คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
นับตั้งแต่ The Last Shot ของ ไมเคิล จอร์แดน และ ชิคาโก บูลล์ส คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ของแฟรนไชส์ปี 1998 ผมกล้าบอกเลยว่า ไม่มีบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) รอบชิงชนะเลิศครั้งไหน ซึ่งผมนั่งดูอย่างตั้งอกตั้งใจ และมีเป้าหมายชัดเจนเท่ากับปี 2021 ระหว่าง ฟีนิกซ์ ซันส์ กับ มิลวอกี บัคส์ เพราะอยากเห็น คริส พอล การ์ดจ่ายคนหนึ่งที่ชื่นชอบ ฉลองแชมป์สักครั้ง
หวนนึกถึงวันนั้น พอล และ ฟีนิกซ์ อยู่ห่างถ้วย “แลร์รี โอ'ไบรอัน” แค่ 2 เกม หลังขึ้นนำซีรีส์ 2-0 เล่นไปเล่นมากลายเป็นแพ้ 4 เกมรวด กระทั่งทุกวันนี้ใครที่เชียร์ ซันส์ คงเริ่มถอดใจกับ ดีอังเดร เอย์ตัน เซ็นเตอร์ตัวหลัก แล้วว่า “เขามาได้แค่นี้” ด้วยผลงานไม่ได้ใกล้เคียงความเป็นดราฟต์เบอร์ 1 ปี 2018 และเป็นจุดอ่อนเสียมากกว่า เวลาปะทะ “บิ๊กเมน (ผู้เล่นตัวใหญ่)” ระดับท็อปของลีกอย่าง ยานนิส อันเตโตคุมโป หรือ นิโกลา โยคิช
ครั้น ฟีนิกซ์ ตกมาอยู่ในมือ แม็ต อิชเบีย เจ้าของคนใหม่ ไม่รู้ว่าด้วยความเห่อหรืออะไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะทุ่มอย่างบ้าเลือด เพื่อผลักดันแฟรนไชส์คว้าแชมป์สมัยแรก หลังเป็นพระรองมา 3 ครั้ง ปี 1976, 1993 และ 2021 เทรดตัวสกอร์หนักๆ มา 2 รายอย่าง เควิน ดูแรนท์ จาก บรูกลิน เน็ตส์ และล่าสุด แบรดลีย์ บีล จาก วอชิงตัน วิซาร์ดส แต่ก็ต้องชดเชยด้วยการเสียตัวเก่งๆ บนม้านั่งสำรอง สิ่งที่น่ากลัว คือ 5 ตัวจริงอาจจะแบกทีมมากเกินไป
เข้าสู่ประเด็นสัปดาห์นี้ ราว 2-3 วันก่อน “ซีพีทรี (CP3)” เพิ่งจะชูเสื้อ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส อย่างเป็นทางการ ในการทำหน้าที่ผู้จัดการทั่วไปของ ไมค์ ดันเลวี จูเนียร์ ปีแรก หลังถูก วิซาร์ดส ปล่อยตัวมาเพื่อแลก จอร์แดน พูล การ์ดวัย 24 ปี ซึ่งอาจกลายเป็นผู้เล่นระดับ ออล-สตาร์ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อลุ้นแชมป์สมัยที่ 5 รอบ 10 ซีซัน
เมื่อ พอล วัย 38 ปี ย้ายเข้ามา ส่งผลให้ วอร์ริเออร์ส มีอาวุธเกมรุกที่สามารถพึ่งพาได้ ในฐานะคนถือบอล ซึ่งเปลี่ยนจังหวะช้า-เร็วได้ รองจาก สตีเฟน เคอร์รี และคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ พูล ขาดหายไป คือ ความเป็นผู้นำ ตามความเห็นของ แม็ตต์ บาร์นส อดีตผู้เล่น NBA ระบุ “ทุกทีมที่ คริส ย้ายไป เขายกระดับทีมได้ เขาแค่ทำให้เกมมันดูง่ายขึ้น”
พิจารณาการทำทีมระยะยาว โกลเดน สเตท ดูเสียเปรียบตามข้อตกลงการเทรด เนื่องจาก พูล เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และจัดจ้านเกมรุก ดังนั้นการปล่อย ผู้เล่นที่จะเป็นอนาคตของแฟรนไชส์ เพื่อแลกกับ การ์ดจ่ายระดับว่าที่ “ฮอลล์ ออฟ เฟม (หอเกียรติยศ)” ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยๆ ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ทางกลับกัน วอร์ริเออร์ส ณ เวลานี้ไม่ต้องคำนึงถึงอนาคต เป้าหมายสำคัญ คือ ฤดูกาล 2023-24 และสร้างโอกาสสูงสุดสำหรับลุ้นแชมป์แก่ เคอร์รี วัย 35 ปี และ พอล ซูเปอร์สตาร์รุ่นไล่เลี่ยกัน ยังมีพิษสง และค่าเฉลี่ยที่ดีกว่า พูล ตลอดซีซันที่ผ่านมา
ฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมา พอล เจ้าของสมญา “พอยน์ต ก็อด (การ์ดจ่ายขั้นเทพ)” สกอร์ 13.9 แต้ม 8.9 รีบาวน์ด 4.3 แอสซิสต์ ยิง 3 คะแนนเข้าเป้า 37.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ พูล ซัดไป 20.4 แต้ม 4.5 แอสซิสต์ 2.7 รีบาวน์ด จะเห็นว่า พอล ด้อยกว่า พูล ด้านการทำสกอร์ แต่มีความสามารถครบเครื่อง ซึ่งเป็นสเปคที่หาได้ยากจาก วอร์ริเออร์ส ชุดปัจจุบัน
โกลเดน สเตท ไม่ได้ละทิ้งเอกลักษณ์ของตัวเอง ด้านวิธีเล่น “Run-and-Gun (โจมตีเร็ว)” แต่การปรับมาเล่นช้าเน้นความแน่นอนบ้าง เป็นไอเดียที่เข้าท่ากว่า เมื่อมองว่าสำรอง วอร์ริเออร์ส ผลงานน่าผิดหวังฤดูกาลที่แล้ว ส่วนมากเกิดจากการเลือกจังหวะชู้ตไม่ดี และเทิร์นโอเวอร์ (เสียการครองบอล) จุดบกพร่องนี้น่าจะได้รับการแก้ไข หาก พอล เข้ามาคุมจังหวะ
แน่นอนว่า โกลเดน สเตท เดิมพันอนาคตแฟรนไชส์กับแชมป์ NBA หาก พอล เจ็บออดๆ แอดๆ ฤดูกาลหน้า และไม่ติดเพลย์ออฟ จะถูกตัดสินว่าล้มเหลว แต่ถ้าบริหารเวลาเล่นของ พอล อย่างเหมาะสม และปราศจากอาการบาดเจ็บ ย่อมเป็นการอัพเกรดทีมจากการปล่อย พูล ระยะสั้น