คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เป็นเรื่องดราม่าขึ้นอีกจนได้สำหรับวงการมวยไทย เมื่อสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย โดยนายกสมาคม “ชาติซ้าย” สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ และอุปนายกฝ่ายพัฒนากีฬามวยอาชีพ “จ่าตุ๊” ทรงพล พงษ์สว่าง ออกมาตั้งโต๊ะเรียกร้องให้การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดการกับ “วัน ลุมพินี” ด้วยเหตุผลว่าเอาชื่อมวยไทยมาใช้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่มวยไทย โดยประเด็นที่ออกมาเรียกร้องมีทั้งการใช้นวมเล็ก การใช้นวมเปิดนิ้ว การชก 3 ยก การไม่ไหว้ครู และการไม่มีปี่กลองในการชก แถมที่สำคัญยังบอกว่าใช้เงินฟาดหัวให้นักมวยใส่กันอย่างเดียวไม่ลืมหูลืมตา จนมวยจังหวะฝีมือถูกมองข้ามไปหมด
พอเป็นข่าวปุ๊ปรถทัวร์ก็ไปลงที่สมาคมฯ ทันที แฟนมวยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าประเด็นที่ยกมามันเป็นประเด็นแน่หรือ อย่างเรื่องใช้นวมผิดระเบียบ หรือเปิดนิ้วไม่หุ้มนิ้วที่อ้างว่าจะทำให้เกิดอันตราย แบบนี้มวยคาดเชือกใช่มวยไทยมั้ย มวยคาดเชือกก็เปิดนิ้ว แล้วรายการอื่นก็มีที่ใช้นวมเล็กเปิดนิ้ว ไม่เห็นสมาคมฯ จะออกมาร้องเรียนอะไร ถ้าพูดเรื่องการชก 3 ยก ไทยไฟต์ก็ชก 3 ยกมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่เห็นสมาคมฯ ออกมาว่าอะไร แล้วชก 3 ยกแต่นักมวยเดินออกอาวุธใส่กันตลอด แฟนๆ ได้ดูมวยมันส์ๆ ในขณะที่มวย 5 ยกเป็นอันรู้กันว่าชกกันแค่ยกครึ่ง คือปลายยก 3 กับยก 4 แถมให้ความสำคัญกับรูปมวยแบบชกแทบตาย โดนหักล้มอยู่ล่างทีเดียวแพ้เลย จนมวยเสื่อมความนิยมลงไปเยอะ มันใช่หรือ ที่สำคัญเรื่องเอาเงินฟาดหัวนี่ โดนถล่มจากทุกสารทิศว่าตกลงนักมวยต้องจน ต้องได้ค่าตัวน้อยๆ อย่างนั้นหรือ การที่มีองค์กรมาให้ค่าตัวนักมวยสูงๆ ให้คุ้มกับความเจ็บปวด มันไม่ดีหรือ
งานนี้ว่ากันแฟร์ๆ สิ่งที่ทางสมาคมกีฬามวยอาชีพออกมาร้องเรียน หลายอย่างแม้จะไม่เข้าท่า แต่หลายๆ อย่างก็อยากให้ทาง “วัน ลุมพินี” รับฟังเหมือนกัน มวยไทยว่ากันตรงๆ ก็ต้องมีความเป็นไทย การไหว้ครูเป็นสิ่งที่นักมวยเรายึดถือมาตลอด เป็นศิลปะ เป็นการสร้างพลังใจ เป้นการรวบรวมสมาธิ ระลึกถึงพระคุณครูมวยที่สั่งสอนมา รวมทั้งเป็นที่ยอมรับกันว่าการไหว้ครูเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนชกที่ดีเลย แต่เรื่องการไหว้ครูนี่ถ้าคนที่เคยไปดูที่สนามน่าจะรู้ว่าทาง “วัน ลุมพินี” ก็จัดให้นักมวย “ทุกคน” ได้ออกมาไหว้ครูบนเวทีก่อนการชกเริ่มแล้ว แม้ว่าจะผิดวัตถุประสงค์เรื่องการวอร์มร่างกาย แต่ก็ยังได้ได้ระลึกพระคุณของครูมวย ส่วนเรื่องปี่กลองนั้นอยากให้ทาง “วัน ลุมพีนี” พิจารณานำมาใช้เหมือนกัน เพราะเป็นการสร้างบรรยากาศ สร้างความฮึกเหิมให้นักมวยอย่างดี ยิ่งนาทีสุดท้ายของยกสุดท้าย ปี่กลองบรรเลงเพลงเชิดนี่ มันเร้าใจให้อยากใส่กันให้สุดๆ จริงๆ นอกจากนั้นยังเป็นการเสริมอาชีพของนักดนตรีไทยด้วย
ส่วนเรื่องสามยกห้ายก หรือเรื่องเอาเงินฟาดหัวให้นักมวยเดินใส่กันอย่างเดียว มวยจังหวะฝีมือไม่มีโอกาสและจะหายไปนั้น อันนี้เรื่อง 3 ยกหรือ 5 ยก ไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่แฟนมวยอยากดูคือมวยมันส์ๆ ที่ออกอาวุธกันตลอดมากกว่า มวยจังหวะฝีมือชก 5 ยก ก็ดูสนุกได้ถ้าขยันออกอาวุธ มวยจังหวะสองดึงแล้วโต้ บังแล้วโต้ เหล่านี้ดูมันส์ได้หมด แล้วก็เป็นศิลปะจริงๆ ที่มวยจังหวะฝีมือถูกกล่าวหาว่าชกไม่มันส์นั้น เป็นเพราะไปให้ความสำคัญกับ “รูปมวย” มากกว่าเรื่องการออกอาวุธ มัวแต่คุมรูปมวย ไม่กล้าออกอาวุธเพราะกลัววืดแล้วเสียรูปมวย ยก 5 คนนำก็เอาแต่ถอยแล้วกอด เพราะกลัวเสียรูปมวย ถ้าถอยแบบมีเชิง มีโต้สวยๆ ก็ดูสนุกได้ เอาจริงทุกคนก็อยู่ในวงการมวยทั้งนั้น น่าจะหันหน้าหากันหาจุดร่วมเพื่อให้มวยไทยกลับมาเป็นศิลปะและกีฬายอดนิยมประจำชาติเราให้ได้อีกครั้งมากกว่า