ทรูวิชั่นส์ ผู้นำคอนเทนต์กีฬาระดับโลก เชิญชวนแฟน ๆ คอความเร็ว ร่วมลุ้น และเชียร์การแข่งขันรถสูตรหนึ่ง ฟอร์มูล่าวัน สนามที่ 4 ประจำฤดูกาล 2023 ซึ่งจะแข่งขันกันที่เมืองบากู เมืองหลวงประเทศอาเซอร์ไบจาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 – 30 เมษายนนี้ ถ่ายทอดสดความมันทางทรูวิชั่นส์ ช่อง beIN Sports 1 (607)
อาเซอร์ไบจานนั้นจัดการแข่งขันฟอร์มูล่าวันมาตั้งแต่ปี 2016 แต่ในปีแรกนั้น พวกเขาใช้ชื่อรายการว่า ยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ ก่อนที่ปีถัดมาจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อ อาเซอร์ไบจาน กรังด์ปรีซ์ มาจนถึงปัจจุบัน
อาเซอร์ไบจาน กรังด์ปรีซ์ เป็น 1 ใน 7 รายการแข่งขันในปัจจุบันที่ใช้ถนนสาธารณะเป็นลานประลองความเร็ว นอกจากที่ ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, แคนาดา, ลาสเวกัส, ซาอุดิอาระเบีย และ โมนาโก เคยได้รับการตั้งเป้าให้เป็นรายการแข่งขันสตรีทเซอร์กิตที่เร็วที่สุดในโลก ก่อนที่จะมาโดนรายการซาอุดิอาระเบียน กรังด์ปรีซ์ล้มตำแหน่งนี้ลงไปได้ในปี 2021 และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า บากู ซิตี้ เซอร์กิต
เนื่องจากมันเป็นสตรีทเซอร์กิต ผังสนามจึงจำเป็นต้องลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยภายในเมืองบากู ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของสนามนั้นจะอยู่ในโซนเมืองใหม่ ทำให้ผังสนามออกมาเป็นทางตรงยาวสลับกับโค้งหักศอก 90 องศา ในขณะที่ครึ่งสนามหลังนั้นจะเป็นโซนเก่าแก่ของเมือง จึงมีผังสนามที่เต็มไปด้วยโค้งความเร็วสูงสลับกับโค้งหักศอก
สนามแห่งนี้มีความยาว 6.003 กิโลเมตร แข่งขันในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา ถูกออกแบบโดยสถาปนิกนักออกแบบสนามแข่งชื่อดังอย่าง แฮร์มัน ทิลเคอ ซึ่งออกแบบสนามแข่งที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงสนามแข่งที่บุรีรัมย์
กริดสตาร์ท และพิทเลนนั้นอยู่ในบริเวณ จัตุรัสแห่งเสรีภาพ จากนั้นจึงวิ่งวนทวนเข็มนาฬิกาอ้อม ทำเนียบรัฐบาล มุ่งหน้าไปทางตะวันตกสู่ วังของ Shirvanshahs สถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 15 และ หอคอย Maiden ซึ่งในจุดนี้ตัวแทร็คจะมีความแคบสุดเพียง 7.6 เมตร ก่อนที่จะวนออกมาวิ่งในโซนเมืองเก่า และมุ่งไปทางตะวันออกสู่จุดสตาร์ทด้วยทางตรงที่ยาวประมาณ 2.2 กิโลเมตร
ทางตรงของที่นี่นั้นยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เท่านั้น แต่จากโค้ง 16 เป็นต้นมาจนถึงโค้ง 20 นักแข่งสามารถกดคันเร่งยาวได้ตลอดจนกระทั่งถึงโค้ง 1 นั่นทำให้ช่วงนี้มีความยาวรวมถึง 2.2 กิโลเมตร และเป็นช่วงที่เร็วที่สุดของสนาม ซึ่งรถแข่งสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว
สำหรับผลการแข่งขันสนามนี้ในปีที่ผ่าน ๆ มา มีเพียง 2 ทีม เท่านั้นที่เคยสัมผัสกับชัยชนะ นั่นคือ เมอร์เซเดส และ เรดบูล โดยในปีที่แล้ว เฟอร์รารี มีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะครั้งแรกในสนามแห่งนี้ แต่ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ซึ่งกำลังนำอยู่ในตอนนั้น ตัวรถเกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไป
เรดบูล เป็นทีมที่คว้าชัยชนะที่นี่มาใน 2 ปีล่าสุด โดยในปี 2021 เป็นผลงานของ เซร์คิโอ เปเรซ และ แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น คว้าชัยชนะไปในปี 2022 ซึ่งสำหรับในปีนี้ คาดว่าชัยชนะก็คงหนีไม่พ้น 2 นักแข่งเรดบูล เช่นเดิม เนื่องจากรถของพวกเขานั้นมีศักยภาพโดยรวมดีที่สุด อีกทั้งตัวแข่ง RB19 ยังเป็นตัวแข่งที่ทำความเร็วทางตรงได้สูงสุด ซึ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบในสนามแห่งนี้เป็นอย่างมาก
ที่น่าสนใจคือ เฟร์นานโด อลอนโซ ที่คว้าอันดับ 3 ติดต่อกันมาแล้ว 3 สนาม แต่สนามแห่งนี้อาจเป็นงานยากสำหรับ อลอนโซ และทีมแข่งแอสตันมาร์ติน เนื่องจากรถของพวกเขามีจุดอ่อนคือในเรื่องของแรงต้านอากาศ ซึ่งจะเสียเปรียบเป็นอย่างมากกับสนามที่มีทางตรงยาวเช่นนี้
อีกหนึ่งทีมที่น่าจับตาคือ แม็คลาเรน เพราะถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่พวกเขาวางเอาไว้ ทีมแข่งจากฐานโวกกิ้งจะนำตัวแข่งสเปกอัปเกรดขนานใหญ่ ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแข่ง 2023 จริง ๆ มาลงแข่งขันในรายการนี้ ซึ่งมันจะช่วยพลิกสถานการณ์วิกฤตของทีมในปัจจุบันได้หรือไม่ เราคงต้องติดตามชมกันต่อไป
ทรูไฮบริด กล่องเดียวจบ ครบความบันเทิง ชัดสุดระดับ 4K กับแพ็กเกจ Platinum และ Gold พร้อมเน็ตบ้านไฟเบอร์ทรู 1 Gbps สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงระดับไฮเอนด์ เพิ่มเติม bit.ly/3GODV1N