ย้อนไปทศวรรษที่ 80-90 เป็นช่วงที่ฟุตบอลอิตาลีเฟื่องฟูสุดขีด แม้ว่าสไตล์การเล่นจะเต็มไปด้วยแท็กติกและกลยุทธ์ โดยเน้นการเกมรับเป็นพื้นฐาน ซึ่งทำให้คุณค่าความบันเทิงในสนามถูกบั่นทอนลงไป
ทว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองการ์มาญอล่า ทางตอนใต้ของตูริน ที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจชนิดที่สโมสรยักษ์ใหญ่ต้องเปิดศึกฟาดฟันแย่งตัวมาครอบครองให้ได้
นักเตะจากเยาวชนของ โตริโน่ คนนั้นมีชื่อว่า จานลุยจิ เลนตินี่ เจ้าหนูคนนี้เล่นในตำแหน่งปีกวิ่งได้แบบไม่มีหมดถนัดเท้าทั้งสองข้างเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์พร้อมจะฉีกกองหลังทุกคนอีกทั้งมีสายตาที่มองหาประตูอยู่ตลอดเวลา
เลนตินี่ ช่วยพา โตริโน่ คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย บี ฤดูกาล 1989–90 และเลื่อนชั้นสู่ กัลโช่ เซเรีย อา ในฤดูกาลถัดมา จากนั้นพาทีมเข้าชิง ยูฟ่า คัพ ก่อนจะแพ้ อาแจ๊กซ์ ปี 1992 ซึ่งฤดูกาล 1991-1992 ก็จบที่ 3 ในลีกตามหลัง เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส เรียกได้ว่าเป็นผลงานไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ทว่าความพ่ายแพ้ในนัดชิง ยูฟ่า คัพ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ โตริโน่ แตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ว่าได้ เพราะภายใต้ประธานสโมสรที่ชื่อว่า จาน เมาโร บอร์ซาโน ชายร่างเล็กที่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองสูง ซึ่งที่ผ่านมาเขากู้ยืมเงินจำนวนมากมาปลุกปั้นทีม
แต่เมื่อ โตริโน่ ไม่ประสบความสำเร็จถึงแชมป์ ทำให้ปัญหารุมเร้า บอร์ซาโน่ ทั้งในและนอกสนาม โดยเฉพาะธุรกิจของเขาที่ดูเหมือนว่าจะมีการดำเนินงานที่ผิดกฎหมายด้วย
ข่าวลือแพร่สะพัดแฟนบอล โตริโน่ รวมตัวกันแสดงความไม่พอใจ เพราะนักเตะหลายต่อหลายคนอาจถูกขายออกไป ตอนนั้น ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี เจ้าของ มิลาน เดินแผนฉกตัว เลนตินี่ ไปที่บ้านพักส่วนตัวด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อเจรจาย้ายทีมชนิดที่ว่าเจ้าตัวก็อยากจะปฎิเสธ
บอร์ซาโน ตกลงขาย เลนตินี่ ให้กับ มิลาน ด้วยค่าตัวสถิติโลกตอนนั้นคือ 13 ล้านปอนด์ ขณะที่ประธาน โตริโน ได้รับเงิน 3.3 ล้านปอนด์เข้ากระเป๋าทันที
มีการใส่ความว่า เลนตินี่ เรียกร้องย้ายทีม ขณะที่แฟนบอล โตริโน่ มองว่าเมื่อนักเตะตัวหลักถูกขายออกไปจึงฟ้องร้องภายใต้พระราชบัญญัติการขายสินค้าว่าตั๋วของทีมนั้นไม่มีความคุ้มค่าและชนะคดีด้วย
ชีวิตนักเตะของ เลนตินี่ ดำเนินต่อไป ปีแรกของเขากับ มิลาน ถือว่าทำผลงานใช้ได้ แต่ว่าความพ่ายแพ้นัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1993 แก่ โอลิมปิก มาร์กเซย์ ทำให้เขาถูกมองเป็นหนึ่งในแพะรับบาปด้วยค่าตัวสถิติโลกที่ย้ายมา
เลนตินี่ เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัดไว้ผมยาวใส่ต่างหูและชื่นชอบการพักผ่อนที่ อิบิซ่า รวมถึงสีสันยามค่ำคืน ทุกอย่างถาโถมเข้ามาทั้งชื่อเสียงและเงินทองมากมายอย่างบ้าคลั่ง
นอกสนาม เลนตินี่ ดันไปมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ ริต้า โบนัคคอร์โว่ ภรรยาของ ซัลวาตอเร่ สกิลลาชี่ ดาวยิง ยูเวนตุส เรียกได้ว่าเข้าทางสื่ออิตาลีที่ขุดคุ้ยและโจมตีไม่ยั้ง
ซึ่งทันทีที่จบทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่ เจนัว เลนตินี่ ขับ ปอร์เช่ 911 สีเหลือง ด้วยความร้อนใจ ขณะที่ ริต้า รออยู่ที่ ตูริน ทำให้เขาเหยียบด้วยความเร็ว 125 ไมล์ต่อชั่วโมงและประสบอุบัติเหตุร้ายแรงแม้ไม่ถึงกับชีวิตแต่ก็นอนโคม่าจากอาการกะโหลกร้าวและเบ้าตาแตก
แม้ว่าจะฟื้นตัวกลับมาแต่อุบัติเหตุทำให้ เลนตินี่ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาสูญเสียความสามารถความสมดุลในการเลี้ยงบอลสายตามีปัญหาในการมองเห็น เขาแทบไม่ได้เล่นเลยจากนั้นและเมื่อสัญญาหมด มิลาน ก็ปล่อยตัวออกไปทันที โดยไปอยู่กับ อตาลันต้า ในปี 1996 และตามด้วยกลับไป โตริโน่ ซึ่งก็พาทีมเลื่อนชั้นได้อีกครั้ง แต่จากนั้นชีวิตก็ถดถอยย้ายไปเล่นให้ทีมเล็กๆ ในลีกล่าง
ชีวิตของ เลนตินี่ นั้นถือว่ากำลังขึ้นสู่จุดสูงสุดที่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้กับ มิลาน แต่แล้วก็เหมือนถูกฉุดให้ตกลงมาอยู่ในฝันร้าย มันคือฝันร้ายที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันตื่นเพราะมันจะตามหลอกหลอนเขาไปตลอดจนวันตาย
บ้างก็ว่า เลนตินี่ ทรยศต่อพรสวรรค์ของตัวเอง บ้างก็ว่าเขาตกเป็นเหยื่อของมัน ซึ่งทั้งหมดที่เหลือไว้ก็คือเศษซากจากกีฬาฟุตบอลที่หลงเหลืออยู่ให้พูดถึงกันต่อไป
ปัจจุบัน เลนตินี่ วัย 54 ปี ย้ายกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดคือ การ์มาญอล่า โดยเล่นบิลเลียดกีฬาอีกชนิดที่เป็นความชอบส่วนตัวมานานแล้ว รวมถึงได้ทดลองเลี้ยงผึ้งและเปิดร้านขายน้ำผึ้งเล็กๆ เป็นของตัวเอง
สุดท้ายนี้เชื่อเหลือเกินว่าหากมองย้อนกลับไป เลนตินี่ ต้องรู้สึกผิดที่ตนเองเดินผิดพลาด ทั้งที่ตอนนั้นกำลังจะขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตได้อยู่กับยอดทีมอย่าง เอซี มิลาน และก็น่าจะแขวนสตั๊ดในฐานะตำนานหรืออาจจะได้ขึ้นชั้นเป็นกุนซือคุมทัพไม่ก็วนเวียนอยู่ในแวดวงลูกหนังที่ตนรักก็เป็นได้
