คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ช่วงพักซีซัน ทำท่าว่าจะคึกคัก บทสรุปของ แอรอน ร็อดเจอร์ส ควอเตอร์แบ็กจอมเก๋า, กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส และ นิว ยอร์ก เจ็ตส์ จู่ๆ ก็มีข่าวคราวผุดขึ้นมาอีกว่า ลามาร์ แจ็คสัน ควอเตอร์แบ็ก บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ยื่นขอเทรด หลังตกลงสัญญาระยะยาวกันไม่ได้ และทีมที่เอี่ยวด้วย คือ อินเดียนาโปลิส โคลท์ส ทีมเชียร์ของกระผมเอง
ตั้งแต่เริ่มออฟซีซัน 2023 เรฟเวนส์ ปักป้ายแฟรนไชส์ แจ็คสัน แบบ non-exclusive ซึ่งหมายความว่า ทีมอื่นๆ สามารถเสนอสัญญาแก่ ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ปี 2019 และ บัลติมอร์ ค่อยตัดสินใจว่าจะสู้ราคาหรือไม่ กรณี บัลติมอร์ ไม่สู้ ทีมที่ได้ตัว แจ็คสัน จะต้องเสียสิทธิ์ดราฟต์รอบแรก 2 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่วันตกลงสัญญา ฟังดูอาจดูว่าราคาแพง แต่มูลค่ายังเทียบไม่ได้กับควอเตอร์แบ็กระดับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ ซึ่งถูกเทรด (แลกตัว) ตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ตามโปรไฟล์ของ แจ็คสัน แทบไม่ต้องคิดมาก สำหรับทีมที่อยากได้ควอเตอร์แบ็กสักคนจนตัวสั่นอย่าง อินเดียนาโปลิส ซึ่งมีปัญหามาตลอด นับตั้งแต่ แอนดรูว์ ลัก ควอเตอร์แบ็กความหวังแฟรนไชส์ รีไทร์แบบกะทันหัน เมื่อปี 2018 ยิ่งพอมีกระแสข่าวลือว่า โคลท์ส เป็นเต็ง 1 อ้างอิงจากราคาพูล กองเชียร์อย่างผมหรือหลายๆ คน ย่อมเกิดคำถามว่า จะเอาดีหรือเปล่า?
ดังที่เรียนไว้แล้วว่า การเทรดควอเตอร์แบ็ก ปี 2021 แม็ตธิว สแตฟฟอร์ด ย้ายจาก ดีทรอยต์ ไลออนส์ ไป แอลเอ แรมส์ สวนทาง จาเหร็ด กอฟฟ์, สิทธิ์ดราฟต์รอบ 3 ปี2021, รอบแรก ปี 2022 กับ 2023 ถัดมาปี 2022 ซีแอตเทิล ซีฮอว์กส ปล่อย รัสเซลล์ วิลสัน, สิทธิ์ดราฟต์รอบ 4 ปี 2022 ไป เดนเวอร์ บรองโกส์ แลกกับผู้เล่น 3 คน, สิทธิ์ดราฟต์รอบแรก, 2 และ 5 ปี 2022 และรอบแรกกับ 2 ปี 2023
แพ็คเกจทั้งหมดล้วนราคาแพงกว่า 2 สิทธิ์ดราฟต์รอบแรกในแต่ละปี สำหรับการเซ็นสัญญา แจ็คสัน แถม สแตฟฟอร์ด กับ วิลสัน อายุปาเข้าไป 33 ปี ขณะที่ แจ็คสัน เพิ่งจะ 26 ปี ยิ่งถ้านึกถึงผลงาน คาร์สัน เวนท์ซ หรือ แม็ตต์ ไรอัน แล้วล่ะก็ รีบไปเซ็นมาด่วนๆ เสียแค่ 2 สิทธิ์ดราฟต์รอบแรก ถือว่าย่อมเยาสุดๆ แล้ว ถ้าจะเสี่ยงกับการดราฟต์สู้เดิมพันผู้เล่นที่มีโปรไฟล์และประสบการณ์ดีกว่า แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าเหนื่อยแพงหน่อยก็ตาม
อีกมุมหนึ่ง การค้นหาควอเตอร์แบ็กแห่งแฟรนไชส์ของ โคลท์ส เพิ่งผ่านไป 4 ซีซัน แต่เปรียบกับความรู้สึกของแฟนๆ มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ทั้งฟรีเอเจนต์, เทรด หรือเอาตัวเก๋ามาแก้ปัญหาระยะสั้นๆ ล้วนแต่ล้มเหลว แล้วยังจะเสี่ยงเอาตัวถูกปักป้ายแฟรนไชส์แบบ non-exclusive อีกหรือ
ตามสถานการณ์ทีม โคลท์ส กุมสิทธิ์ดราฟต์อันดับ 4 ปี 2023 ซึ่งเหล่าผู้สันทัดกรณีส่วนมากเชื่อว่า น่าจะใช้เลือก 1 จาก 4 ควอเตอร์แบ็ก ได้แก่ ซี.เจ. สเตราด์, ไบรช์ ยัง, แอนโธนี ริชาร์ดสัน และ วิลล์ เลวิส มันอาจถึงเวลาของเลือกควอเตอร์แบ็กเพื่ออนาคตเหมือน แคนซัส ซิตี ชีฟส์ (แพทริค มาโฮมส์), ซินซินเนติ เบงกอลส์ (โจ เบอร์โรว์ส), แอลเอ ชาร์เจอร์ส (จัสติน เฮอร์เบิร์ต) และ แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส (เทรเวอร์ ลอว์เรนซ์)
การเลือกใช้ควอเตอร์แบ็ก ซึ่งถือสัญญารุกกี้ ทำให้ทีมยังเหลือเงินสักก้อนหนึ่ง เพื่อเสริมสร้างองค์ประกอบทีมด้านอื่นๆ อาทิ ทีมรับ, ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน, ปีกนอก, กองหลัง, ไลน์แบ็คเกอร์ และอื่นๆ โดยเฉพาะสาเหตุที่ แจ็คสัน เจรจาสัญญาใหม่ล้มเหลว ปัญหาสำคัญอยู่ที่เรื่องค่าจ้าง
ตามความเห็นส่วนตัว ผมยังชอบควอเตอร์แบ็กสไตล์ pocket passer (ยืนขว้าง) แบบ เพย์ตัน แมนนิง, ทอม เบรดี หรือ แดน มาริโน มากกว่า เนื่องจากควอเตอร์แบ็กสไตล์คล่องตัว หรือ วิ่งได้-ขว้างได้ มักหมดพิษสงเวลาถูกบีบให้อยู่เบื้องหลังแนวป้องกัน หรือถูก ดีเฟนซีฟ ไลน์แมน บลิตซ์จนไม่ขยับตัวลำบาก เพราะการขว้างของควอเตอร์แบ็กประเภทนี้ไม่ใช่จุดเด่น และมีแค่ความหวือหวาเวลาถือบอลวิ่งเท่านั้น แถมยังเสี่ยงต่อการปะทะและอ าการบาดเจ็บ
อีกข้อหนึ่งถ้า โคลท์ส ต้องการควอเตอร์แบ็กระดับ แจ็คสัน เจ้าของทีมอาจจะต้องลงทุนหนักเหมือน แอลเอ แรมส์ ชุดแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล 55 (LV) ซึ่งลงทุนกับ สแตฟฟอร์ด, วอน มิลเลอร์ และ โอเดลล์ เบ็คแฮม จูเนียร์ ดังนั้นถ้า โคลท์ส ตัดสินใจเซ็นสัญญา แจ็คสัน ก็จะต้องมีปีกเก่ง, ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน เก่ง, ทีมรับเก่ง เพื่อลุ้นแชมป์ทันที เพราะเชื่อว่า แจ็คสัน คงไม่ทนรอการสร้างทีมแบบค่อยๆ ไต่ระดับจากเพลย์ออฟจนถึงลุ้นแชมป์
บทสรุปอนาคตของ แจ็คสัน คือ พวกเขาวางแผนทำทีมอย่างไร ถ้าเอา แจ็คสัน ก็ต้องจัดหนัก แต่ถ้าอยากทำทีมระยะยาว ก็ไปดราฟต์ควอเตอร์แบ็กหนุ่มๆ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ดีกว่า