คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เป็นข่าวให้แฟนมวยทั่วโลกตื่นเต้นตั้งตารอติดตามกันแป๊บเดียว ศึกมวยโลกที่น่าจะเป็น “ศึกประวัติศาสตร์” ระหว่างยอดมวยปากมากชาวอังกฤษ “ยิปซี คิง” ไทสัน ฟิวรี่ เจ้าของแชมป์โลกรุ่นยักษ์ของสภามวยโลก WBC กับยอดมวยยูเครน โอเล็กซานเดอร์ อูซิก เจ้าของเข็มขัดแชมป์รุ่นเดียวกันของสามสถาบัน สมาคมมวยโลก WBA, สหพันธ์มวยนานาชาติ IBF และองค์กรมวยโลก WBO ที่ผู้ชนะจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกไร้เทียมทานในรุ่นเฮฟวี่เวทคนแรกในประวัติศาสตร์ยุค 4 สถาบัน ก็มีอัน “ล่ม” ซะแล้วแค่การเจรจากันยกแรกเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ทางไทสัน ฟิวรี่ ถือว่าตัวเองชื่อดังกว่า แม้จะมีเข็มขัดแชมป์มาเดิมพันแค่เส้นเดียว แต่ประกาศก้องว่าต้องเอาส่วนแบ่ง 70% ให้อูซิกแค่ 30% เท่านั้น ทางอูซิกก็แสดงเจตนาชัดแจ้งว่าต้องการให้ไฟต์นี้เกิดขึ้นให้ได้ ยอมถอยสุดๆ รับส่วนแบ่งแค่ 30% ทำให้ไฟต์นี้ดูท่าว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่พอมาเจรจากันต่อ ทางอูซิกบอกว่าต้องมี “อ๊อปชั่น” แก้มือ ตอนแรกทางฟิวรี่ไม่ยอม เพราะเข็ดขยาดกับการให้ “ไอ้ลูกระเบิดบรอนซ์” ดีออนเตย์ ไวล์เดอร์ มีอ๊อปชั่นแก้มือ ซึ่งพอฟิวรี่ชนะจริงๆ ทางไวล์เดอร์ก็ขอใช้อ๊อปชั่นทันที ทำให้ฟิวรี่ที่หวังจะเปิดศึก “รวบแชมป์” กับแชมป์ของ WBC ชาวอังกฤษตอนนั้น “เอเจ” แอนโธนี่ โจลัว ต้องล่มไปจนได้ มาคราวนี้ฟิวรี่ตอนแรกเลยไม่ยอมให้มีอ๊อปชั่น แต่พอเจรจาไป ทางฟิวรี่ก็ยอมรับให้มีอ๊อปชั่น แต่เรียกส่วนแบ่งในไฟต์ “แก้มือ” นี้มากไปอีก ปกติในอ๊อปชั่นนั้นคนที่ชนะก็จะได้ส่วนแบ่งเยอะกว่า คนแพ้ก็ต้องรับส่วนแบ่งน้อย แต่งานนี้คาดว่าทางฟิวรี่เตรียม “งาบ” อีกคำใหญ่ๆ เรียกค่าตัวชนิดที่อูซิกรับไม่ได้ สุดท้ายทางผู้จัดการของอูซิกออกมาบอกว่า “ทางอูซิกทำทุกอย่างแล้วที่จะให้ไฟต์นี้เกิดขึ้นให้ได้ แต่การยอมรับส่วนแบ่งน้อยในตอนแรก (คือ 30/70) ไม่ได้หมายความว่าอูซิกจะยอมให้ฟิวรี่สูบเลือดสูบเนื้อเอาตามความพอใจ” แล้วก็ประกาศเลิกเจรจา
แฟนมวยทั่วโลกเลยถอนหายใจไปตามกันที่อดดูไฟต์ “ประวัติศาสตร์” ไฟต์นี้ ก็ต้องยอมรับว่าทางนักชกยูเครนนั้นต้องพิสูจน์ตัวเองในรุ่นยักษ์นี้ให้ได้ แม้จะเอาชนะ “เอเจ” มาแล้ว 2 ไฟต์ด้วยกัน แต่แฟนมวยมองว่าโจชัวนั้นมวยใจมด การที่อูซิกเอาชนะนั้นไม่แปลก ต้องล้มฟิวรี่ให้ได้ อูซิกถึงจะได้รับการยอมรับจริงๆ ว่าเป็นยอดมวยรุ่นยักษ์ นี่น่าจะเป็นเหตุที่ทางอูซิกนั้นพยายามทุกอย่างที่จะให้ไฟต์นี้เกิดขึ้นให้ได้ ทางด้านฟิวรี่ก็คงรู้ในแง่นี้ เลยเล่นตัวเต็มที่ ไม่ชกก็ไม่เสียหายอะไร แฟนมวยอาจมองว่าฟิวรี่หนี เพราะอูซิกนั้นยอดมวยเชิงสูง มีสปีดรวดเร็วกว่ามวยที่ “ยิปซีคิง” เคยเผชิญมา น่าจะทำให้ฟิวรี่หนักใจไม่น้อย พลังหมัดของฟิวรี่ที่ว่าหนักๆ อาจต่อยอูซิกไม่โดนก็ได้ แต่ฟิวรี่น่าจะโนสนโนแคร์ว่าแฟนมวยจะว่ายังไง เชื่อว่าตัวเองขึ้นชกเมื่อไหร่ใครๆ ก็อยากดูแน่นอน
ตอนนี้ก็ต้องมาตามดูกันว่านักชกทั้งสองจะเดินเส้นทางไหนกันต่อไป ทางอูซิกนั้นอาจจะต้องเจอกับ “ทริปเปิ้ลดี” แดเนียล ดูบัวส์ ดาวรุ่งยักษ์อังกฤษอีกรายที่เป็นแชมป์โลก “ปกติ” ของ WBA อยู่ตอนนี้ แต่ดูบัวส์นั้นชื่อชั้นยังขายยากจริงๆ น่าจะทำเงินได้น้อย หรือจะไปเจอกับ ดีออนเตย์ ไวล์เดอร์ “ไอ้ลูกระเบิดบรอนซ์” ชาวอเมริกัน ที่ถูกฟิวรี่ทิ่มหลับมา 2 ไฟต์ แต่พลังหมัดยังเชื่อถือได้ แถมสปีดหมัดเร็วซะด้วย น่าสนใจว่าถ้าอูซิกโดน จะทนได้มั้ย ไฟต์นี้ถือว่าน่าสนใจ แต่ไวล์เดอร์นั้นก็หวังจะเปิดศึกกับฟิวรี่เป็น “ภาค 4” แม้แฟนๆ จะคิดว่าน่าเบื่อ แต่ยังไงก็ยังขายได้แน่นอน นอกจากนี้ยังมี “จอมมหึมา” โจ จอยซ์ ยักษ์อังกฤษอีกราย เชิงสูง พลังหมัดหนักหน่วง แถมใหญ่และแกร่ง เจอฟิวรี่หรืออูซิก ก็น่าดูแน่ๆ ส่วน “เอเจ” แอนโธนี่ โจชัว นั้นพอแพ้อูซิกไปสองไฟต์ เรตติ้งเลยตกไปหน่อย ก็ต้องติดตามต่อไปว่ามวยโลกรุ่นยักษ์จะเป็นยังไงต่อไป