เอลลิส ซิมส์ หัวหอกดาวรุ่งวัย 22 ปี ทำแสบ ยิงประตูช่วงท้ายเกมให้ "ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ไล่ตามตีเสมอ เชลซี 2-2 ส่งผลให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" หยุดสถิติชนะรวดทุกรายการไว้ที่ 3 นัด โอกาสลุ้นท็อปโฟร์แทบจะริบหรี่
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2566 "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ "ท็อฟฟีสีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน
เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ แกรแฮม พ็อตเตอร์ กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บชัย 3 นัดรวดในทุกรายการ ล่าสุดบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี 3-1 ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ของฌอน ไดซ์ ที่กำลังหนีตกชั้น เพิ่งเปิดบ้านเฉือนชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0
เจ้าถิ่น เชลซี ออกสตาร์ทได้อย่างคึกคักในช่วงครึ่งเวลาแรก พยายามเปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อทำประตูขึ้นนำคู่แข่งให้ได้ แต่จังหวะจบสกอร์ยังทำได้ไม่ดีพอ หมดเวลา 45 นาทีแรกเกมยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งเวลาหลัง เชลซี ที่โหมบุกอย่างหนักก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 52 จากลูกยิงด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษของ เจา เฟลิกซ์ ที่บอลผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ชนเสาเข้าประตูไป
น.69 กลายเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่มาได้ประตูไล่ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะลูกเตะมุม และเป็น อับดุลลาย ดูคูเร โหม่งจ่อๆ ในจังหวะสุดท้าย แม้ผู้เล่นเชลซีพยายามสกัด แต่บอลข้ามเส้นเข้าไปแล้ว ซึ่งมีเสียงสัญญาณ Goal Line เตือนไปที่นาฬิกาของผู้ตัดสิน
น.73 รีซ เจมส์ แบ็คขวาตัวเก่งของ เชลซี โดน เบน ก็อดฟรีย์ กองหลังทีมเยือนขัดขาล้มลงไป ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นเอฟเวอร์ตันแต่ไม่เป็นผล และเป็น ไค ฮาแวร์ตซ์ สังหารไม่พลาด เจ้าถิ่นขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่น แต่แล้วในนาทีที่ 89 เอฟเวอร์ตัน ได้ประตูไล่ตามตีเสมออีกครั้ง 2-2 จากลูกยิงของ เอลลิส ซิมส์ หัวหอกดาวรุ่งวัย 22 ปี
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เชลซี เปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2 หยุดสถิติชนะรวดทุกรายการเอาไว้ที่ 3 นัด
จากผลเสมอในเกมนี้ส่งผลให้ เชลซี มีเพิ่มเป็น 38 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตาราง ตามหลัง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ทีมอันดับ 4 ถึง 11 แต้ม ส่วนน เอฟเวอร์ตัน มีเพิ่มเป็น 26 คะแนน รั้งอันดับ 15 ห่างโซนตกชั้น 2 แต้ม