คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
กลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการกีฬาบ้านเรา เมื่อได้เห็นแฟนๆ กีฬา ประกาศว่าเขาไม่ต้องการให้รัฐบาล และเอกชน นำเงินไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์ 2023 ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ที่ประเทศกัมพูชา เป็นเจ้าภาพ
เหตุผลคือ กัมพูชา เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์จากประเทศไทย เป็นมูลค่าสูงสุดที่ 800,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 28 ล้านบาท และสูงกว่าทุกชาติที่ร่วมภูมิภาคอาเซียน ทั้งที่ก่อนหน้านี้กีฬาซีเกมส์ไม่มีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ มีเพียงค่าธรรมเนียม 5000-10000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิก กัมพูชา ออกมายืนยันว่าไม่มีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ แต่เป็นสื่อไทยที่กุข่าวกันเอง ทว่าสุดท้ายกลับพลิกลิ้นว่า เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ เพราะชาติอื่นๆ ขอร้อง และไม่ได้เป็นคนกำหนดมูลค่า หากแต่ราคาขึ้นอยู่กับมูลค่าการตลาด และการเจรจา
แม้ทางการ กัมพูชา จะบอกว่าหลายชาติซื้อไปแล้ว แต่เท่าที่ทราบมีแค่ 2 ชาติ คือ มาเลเซีย กับ เวียดนาม เท่านั้น ที่เหลือมีข่าวว่าโดนโขกราคากันจนต้องทำหนังสือให้เจ้าภาพลดราคากัน แต่นั่นแหละ...ราคาของแต่ละชาตินี่ไม่เท่ากัน และก็ปิดกันเสียด้วย ความซวยจึงมาตกที่ไทย
แน่นอนว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยได้ชม ได้เชียร์นักกีฬาทีมชาติไทย ที่เข้าแข่งขัน ก็ต้องทำงานของเขา ด้วยการหาทางนำการแข่งขันรายการนี้มาให้รับชมกัน ตามกฎ "มัสต์แฮฟ" ที่มีการระบุอยู่แล้ว แต่ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อเราได้ยิน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่า กกท. ยืนยันว่าหากไม่ลดราคา ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน โดยเหตุผลที่หยิบยกมาก็เป็นเรื่องของ ราคาที่แพงมหาโหดนี่แหละ
และไม่ใช่แค่เรื่องมูลค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า หลายๆ สมาคมกีฬาที่ตัดสินใจส่งนักกีฬาชุดใหญ่ หรือตัวหลักไป ก็มักโดนแฟนกีฬาตำหนิว่าควรส่งแค่ชุดเล็ก หรือทีมเยาวชนไปมากกว่า แต่เรื่องนี้ต้องมองด้วยสายตาเป็นธรรมว่า นักกีฬาทีมชาติไทย จำเป็นต้องส่งชุดที่ดีที่สุดไปอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ประเทศ และหากคว้าเหรียญรางวัลมาได้ หมายถึงเงินอัดฉีดจากภาครัฐ และเอกชน ที่จะช่วยเหลือนักกีฬา และสมาคมกีฬาด้วย โปรดจงเข้าใจ
แต่จะว่าไปในสายตาของสื่อเราจะเห็นได้ชัดว่า "ซีเกมส์" ครั้งนี้มันแปลกๆ คือ ดูเหมือนเจ้าภาพจะพยายามเหลือเกินที่จะหาเงินจากชาติสมาชิก และทำทุกทางที่จะให้ได้เงินมา ไม่ว่าจะเป็นการผุดแคมเปญต่างๆ ด้วยการขอรับบริจาคเงินทั้งจากชาวเขมรในประเทศ และนอกประเทศ เริ่มจากการรับบริจาคธรรมดาผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อยอดตัวเลขไม่วิ่ง ก็ไปเปิดโครงการใหม่ พับหัวใจ ให้ได้ 1 ล้านดวง แล้วดีลกับผู้สนับสนุนว่าหากทำได้จะได้รับเงินมา
ขณะที่เวลานี้เหลืออีกไม่ถึง 2 เดือน ซีเกมส์ 2023 ก็จะเริ่ม เรายังได้เห็นการเปิดตัวผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันครั้งนี้ คือ ปกติเอกชนหากเขาจะสนับสนุนการแข่งขันรายการใดรายการหนึ่ง เขาจะมีแผนงาน ด้วยการมอบเงินแล้วนำโลโก้การแข่งขันมาแปะสินค้าออกจำหน่ายกันเป็นแรมปี แต่นี่กลับตรงข้าม จนมีข่าวลือว่ามีการบีบเอกชนรายใหญ่ให้นำเงินมาสนับสนุนเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าขนาดยังไม่ทันเริ่มการแข่งขันซีเกมส์ เจ้าภาพก็ออกอาการหิวเงินเสียแล้ว กีฬาแห่งมหามิตรอาเซียนปีนี้ คงเป็นกีฬาซีเกมส์ที่ไม่สนุกสำหรับคนไทยแน่นอน