xs
xsm
sm
md
lg

(จ่อ) ปิดฉาก 19 ปี "ร็อดเจอร์ส" ผู้คุมกำเนิด "เลิฟ" / MVP

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส กำลังมาถึงจุดเปลี่ยน ท่ามกลางกระแสข่าวลือเกี่ยวกับ แอรอน ร็อดเจอร์ส ซูเปอร์สตาร์แฟรนไชส์ ต่างๆ นานา ทั้งเปิดทางให้เจรจา นิว ยอร์ก เจ็ตส์ แล้ว กระทั่งล่าสุด "อีเอสพีเอ็น (ESPN)" ตีข่าวว่า ร็อดเจอร์ส เรียกร้องให้คว้า โอเดลล์ เบ็คแฮม จูเนียร์ ปีกนอก มาร่วมงานกัน ที่เจ็ตส์

ตามทิศทางของข่าว มีแนวโน้มค่อนข้างสูงว่า ร็อดเจอร์ส จะปิดฉาก 19 ปี ที่แลมโบ ฟิลด์ แล้วหลีกทางแก่ จอร์แดน เลิฟ ควอเตอร์แบ็ก ซึ่งทนรับบทสำรองมา 3 ฤดูกาล ก้าวมาเป็นตัวตายตัวแทน

เลิฟ ถูกดราฟต์เมื่อปี 2020 หลัง กรีน เบย์ เทรดสิทธิ์อันดับ 30 และรอบ 4 ให้ ไมอามี ดอลฟินส์ เพื่อขยับขึ้นอันดับ 26 ทำให้ ร็อดเจอร์ส ตอบโต้ฝ่ายบริหาร ด้วยรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 2 สมัยติดต่อกัน เสมือนคุมกำเนิด หนุ่มจากมหาวิทยาลัย ยูทาห์ สเตท

ตามปกติ การเลือกควอเตอร์แบ็กรอบแรก แล้วจับนั่งสำรองตลอด 3 ซีซันแรก เป็นแนวทางทำทีมที่น่าประหลาด ทว่าพิจารณาข้อมูลของ "ฟ็อกซ์ สปอร์ตส" นับตั้งแต่เริ่มดราฟต์ของ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ปี 1967 ควอเตอร์แบ็ก 126 คน ถูกดราฟต์รอบแรก และมีแค่ 3 คน ที่เป็นตัวจริง 1 เกม หรือน้อยกว่า ตลอด 3 ซีซันแรกของอาชีพ ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นผู้เล่น แพ็คเกอร์ส ทั้งหมด

เลิฟ เป็นคนที่ 1 ถัดมาคือ ร็อดเจอร์ส และคนที่ 3 ริช แคมป์เบลล์ ควอเตอร์แบ็กที่ถูกคัดเลือกอันดับสูงสุด (อันดับ 6) เมื่อปี 1981 ซึ่งไม่เคยลงเล่นตัวจริงระดับอาชีพ แต่ถ้าเราเปรียบเทียบสถานการณ์ของ เลิฟ กับ ร็อดเจอร์ส มีความคล้ายกันอยู่หลายจุด

แพ็คเกอร์ส มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่า จะใช้อ็อปชันปีที่ 5 ขยายสัญญา เลิฟ หรือไม่ หลังจบฤดูกาล 2023 ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องเห็น เลิฟ ลงเล่นเกมจริงจัง ก่อนมอบหมายสถานะควอเตอร์แบ็กแห่งแฟรนไชส์ ขณะที่ ร็อดเจอร์ส เลื่อนชั้นเป็นตัวจริงซีซันที่ 4 ของอาชีพ ขว้างเกิน 4,000 หลา 28 ทัชดาวน์

ก่อนขึ้นตัวจริง ร็อดเจอร์ส ลงสนามเพียง 7 เกม ส่วน เลิฟ ลงเล่นมาแล้ว 10 เกม สถิติขว้างคอมพลีต 50 จาก 83 ครั้ง ระยะ 606 หลา 3 ทัชดาวน์ เสีย 3 อินเทอร์เซ็ปต์ ถึงกระนั้นการเล่นของเขาตลอดฤดูกาล 2022 ปลุกความเชื่อมั่นของ ไบรอัน กูเตคุนส์ท ผู้จัดการทั่วไป และฟรอนท์ ออฟฟิศคนอื่นๆ ของ แพ็คเกอร์ส

ยิ่งเกิดข่าวลืออนาคตที่ไม่แน่นอนของ ร็อดเจอร์ส เท่ากับว่า เลิฟ ยิ่งมีโอกาสแสดงฝีมือในฐานะตัวจริงมากยิ่งขึ้น หลังขว้างคอมพลีต 14 จาก 21 ครั้ง ระยะ 195 หลา 1 ทัชดาวน์ โดยไม่เสียอินเทอร์เซ็ปต์ จากการลงเล่นเป็นสำรอง 4 เกม เฉพาะฤดูกาล 2022

สิ่งอำนวยความสะดวกแก่ควอเตอร์แบ็กหนุ่มๆ คือ เกมวิ่ง และ ทีมรับอันเหนียวแน่น แพ็คเกอร์ส มือหมัด 1-2 จาก แอรอน โจนส์ กับ เอเจ ดิลลอน 2 รันนิงแบ็ก ซึ่งสามารถเป็นที่พึ่งพาของ เลิฟ และสร้างความได้เปรียบแก่ กรีน เบย์ ในการเล่น เพลย์-แอ็คชัน (หลอกคู่ต่อสู้) และคลายความกดดันจากทีมรับคู่แข่งที่พยายามโจมตี เลิฟ

ประเด็นทีมรับ หาก ราชาน แกรี ไลน์แบ็คเกอร์ กลับมาจากอาการเอ็นไขว้เข่า (ACL) ฉีก เท่ากับว่า แพ็คเกอร์ส จะมีผู้เล่นดราฟต์รอบแรก 7 คน จาก 11 ตัวจริง หากแต่ละคนสามารถโชว์ฟอร์มสมราคา พวกเขาจะสามารถดึงบอลกลับมาอยู่ที่ เลิฟ ได้บ่อยๆ เผาแรงทีมป้องกันฝ่ายตรงข้าม และทำให้ทีมบุกคู่ต่อสู้อยู่ห่าง เอนด์ โซน

นอกจากนี้ แพ็คเกอร์ส ยังเป็นทีมพลังหนุ่ม เลิฟ สามารถเติบโตกับผู้เล่นประสบการณ์ 2 ปี อย่าง คริสเตียน วัตสัน และ โรเมโอ ดับส์ 2 ปีกนอก หากเพิ่มตัวดาวรุ่งจากการดราฟต์ ทีมๆ นี้อาจยืนหยัดอยู่ระดับท็อปได้ยาวๆ

เปรียบกับขุมกำลังปีกนอก กรีน เบย์ ช่วงซีซันแรกของ ร็อดเจอร์ส ในฐานะตัวจริง ประกอบด้วย เกร็ก เจนนิงส์ เล่นอาชีพปีที่ 3, จอร์ดี เนลสัน รุกกี้ (ผู้เล่นปีแรก) และ โดนัลด์ ไดรเวอร์ ตัวเก๋า ขณะที่ เลิฟ จะมี อัลเลน ลาซาร์ด เป็นรุ่นพี่ แม้ฝีมือจะห่างชั้นจาก ไดรเวอร์ แต่น่าจะประคับประคอง เลิฟ ในแง่ประสบการณ์

ข่าวคราวย้ายทีม มันก็คล้ายๆ เวลาเราติดตามการซื้อ-ขายนักเตะ พรีเมียร์ ลีก หรือลีกอื่นๆ ตราบใดที่เป็นข่าวมันก็แค่ข่าว กองเชียร์อย่างเราต้องฟังหูไว้หูจนกว่า แฟรนไชส์หรือสโมสรแห่งนั้นจะแถลงอย่างเป็นทางการ หรือมีภาพนักกีฬาออกเดินทางมาเพื่อเซ็นสัญญากับอีกทีมหนึ่ง แต่ตามองค์ประกอบรายล้อม มันส่งสัญญาณว่า จอร์แดน เลิฟ ใกล้หลุดพ้นการคุมกำเนิดของ ร็อดเจอร์ส แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น