คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
วันนี้เอาแค่ 2 กรณีในแผ่นดินที่ คนมีความเป็นคนไม่เท่ากัน ใช้กฎข้อบังคับหรือกฎหมายคนละฉบับกันแบบที่เขานิยมกันในประเทศไทย แล้วลองจินตนาการว่าหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับเกมกีฬาอย่างฟุตบอล มันจะน่าทึ่ง อึ้ง งงขนาดไหน
สว.ทรงเอ ถูกกล่าวหาร้ายแรงว่า มีความเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและฟอกเงินเครือข่าย ทุนมินลัต (Tun Min Latt) ที่ถูกจับและสมัครใจให้การว่า สว.ทรงเอ มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการ พร้อมแสดงหลักฐาน จึงมีการออกหมายจับ สว.ทรงเอ แล้วถูกยกเลิกหมายจับในเวลาต่อมาภายในวันเดียวกันว่า "อ้างว่าเป็นบุคคลสำคัญ ไม่หนีหรอก" เปลี่ยนมาเป็นการออกหมายเรียกภายใน 15 วันแทน แต่จากเดือนตุลาคม 2565 มาถึงปัจจุบัน นี่ปิดสมัยประชุมสภาแล้วด้วยก็ยังไม่มีการออกหมายเรียก สว.ทรงเอ แต่อย่างใด
อีกกรณี ประธานที่ปรึกษาพรรคการเมืองพรรคหนึ่งขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องด้วยก็ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เมื่อไปดูมาตรา 159 พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส. มีโทษจําคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท แต่ไม่มีการลงโทษใดๆ ผู้คุ้มกฎอย่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง แค่ออกหนังสือให้พรรคการเมืองเตือนคนในพรรคของตนเอง ในขณะที่เมื่อราว 4 ปีก่อนหน้านั้น พรรคการเมืองหนึ่งดึงสถาบันฯมาเกี่ยวข้อง ยุบทันที
เรื่องยิ่งใหญ่ของชาติขนาดนี้ มันเป็นแบบอย่างที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองซึ่งมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ สรรพาวุธ และวุดอื่นๆเรียกว่าครบทุกวุดสร้างให้เป็นแนวทางมาตรฐานเพื่อให้ผู้คนปฏิบัติกันทั่วประเทศ มันก็สมควรแล้วที่บอลไทยต้องยึดถือเอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ
ต่อไปนี้ ใครเสียบสกัดกองหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างแรงที่ข้อเท้าด้านหลัง ชักศอกเข้าใส่คู่แข่ง เอาหัวโขกดั้งจมูก กัด ชกหน้า หรือโต้แย้งคำตัดสิน ด่าทออย่างหยาบคายต่อผู้ตัดสินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้ใบเหลืองไปแล้วก็ยังไม่หยุดหย่อน ข่มขู่ผู้ตัดสิน ทำร้ายผู้ตัดสิน เมื่อผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ออกจากสนาม หมอนี่ยังไม่ทันเดินออกพ้นขอบสนามเลยด้วยซ้ำ ผู้ตัดสินจะเปลี่ยนการลงโทษใหม่ โดยยกเลิกใบแดงและบอกว่าจะให้ใบเหลืองละกัน เอ็งเล่นต่อได้ แต่ก็ไม่เห็นควักใบเหลืองซักที อันนี้ผู้จะตัดสินให้เหตุผลว่า “ก็เมื่อกี๊ไม่รู้ว่าเป็นบุคคลสำคัญนี่หว่า”
ใครมีเจตนาเอามือปัดลูกบอลที่กำลังจะเข้าประตูออกไป เอ็งก็ต้องโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม มิหนำซ้ำทีมของเอ็งก็ต้องเสียลูกโทษที่จุดโทษด้วย แต่ผู้ตัดสินดันเรียกกัปตันทีมทั้ง 2 ฝ่ายมาอบรมว่า “ช่วยๆกันดูให้ลูกทีมทำตามกติกาหน่อยนะ ห้ามเอามือปัดลูกบอลที่กำลังจะเข้าประตูนะ” แล้วก็ให้เล่นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันนี้เราต้องเกี่ยงงอน ไม่ร่วมแข่งกีฬาบางชนิด เพราะแย่งชิงการเป็นเจ้าของผู้ก่อกำเนิดกีฬาชนิดหนึ่ง แล้วเรื่องราวบานปลายต่อยอดไปอีก ทำให้เราต้องซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันแพงกว่าชาติอื่นๆ จากนี้ไปมันยังจะมีอะไรที่ต้องทะเลาะกันเกิดขึ้นอีกมากมาย ไม่เห็นเหมือนกับชาติต่างๆในยุโรปตะวันตกที่มีเขาเส้นทางคมนาคมไปมาหาสู่กันทั้งทางถนน ทางรถไป ทางอากาศ เขาไม่เห็นทะเลาะกันเลยว่า เปต็องก์ (Pétanque) มันเป็นกีฬาของตน ไม่ใช่ของพวกโกล (Gaule) ที่มีมาตั้งแต่ 2 พันกว่าปีแล้ว
ผมแค่พยายามชี้แนะให้ผู้คนแถบบ้านเรามีความคิดแบบสากล ก็แค่หลักง่ายๆคือ เคารพผู้อื่น เคารพความเป็นมนุษย์ เลิกเอาเปรียบกัน ออกกฎกติกามาใช้กับทุกคนอย่างเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ไม่เช่นนั้นคนทางแถบเอเชียนี่มันจะต้องหาเรื่องทะเลาะ ผูกปีผูกชาติฆ่าฟันกันเองไม่เลิกราทั้งภายในประเทศเองและกับเพื่อนบ้าน ใครที่มีอำนาจก็อยากทำอะไรให้ตนได้ประโยชน์แทงสวนกฎ กติกา มันซะดื้อๆ มันจึงมีเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อนไม่ว่าการเมืองหรือกีฬาครับ