"สุดที่รักเธอโทรมาช่วยรับหน่อย อย่าปล่อยให้คอยน้ำตาปรอยด้วยใจรอ" เนื้อเพลงนี้คงจะทำให้หลายคนในยุค 90 อ่านแล้วใส่ทำนองไปตาม ๆ กัน เพราะเพลง miss call ของวงซินญอริต้า ถือว่าโด่งดังมาก ๆ ในยุคนั้น
ปัจจุบันนักร้องนำหน้าหวานอย่าง "เนย ซินญอริต้า" หรือ ลลิตา สิงห์โตทอง ได้เรียกเสียงฮือฮากับการรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม บ้านบึงเอฟซี ทีมดังในไทยลีก 3 ที่ถือเป็นอะคาเดมี่สร้างดาวรุ่งสู่ทีม ชลบุรี เอฟซี ยักษ์ใหญ่จากไทยลีก 1
ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอวางไมค์ หันหน้าเข้าสู่สนามฟุตบอล เกิดจาก อรรณพ สิงห์โตทอง เป็นผู้ชักชวน เนื่องจากมีอะคาเดมี่ต่าง ๆ อยู่ในมือหลายแห่ง และหลายคนจะรู้ดีว่าฟุตบอลคือลมหายใจของตระกูลนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เนย จะตอบตกลงรับหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ ภายในทีม
"เรารู้ดีว่าที่ผ่านมา ทั้งทีมชลบุรี เอฟซี หรืออะคาเดมี่ต่าง ๆ ของชลบุรี จะผลักดันและปั้นเด็กในอะคาเดมี่ให้กับประเทศหลายคนเลย แล้ว พี่อรรณพก็เลยชวนมาช่วยงาน ในการทำทีมอะคาเดมี่ของชลบุรี ซึ่งเราเห็นการทำบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว บ้านเนยก็อยู่แถวสนามด้วย เห็นมาตั้งแต่ที่นี่ยังไม่มีอะไรเลย แล้วก็ค่อย ๆ สร้าง เห็นความตั้งใจของ พี่อรรณพมานานแล้ว เราก็เกิดผูกพันธ์ พอเอ่ยปากชวนก็เลยตอบรับมาทำ"
โดยหน้าที่หลักของอดีตนักร้องดัง ก็คือการดูภาพรวมทั้งหมดของทีมบ้านบึง เอฟซี ซึ่ง พี่อรรณพก็วางรากฐาน วางระบบไว้แล้วอย่างดีมาก เธอยอมรับว่าทีมงานสต๊าฟก็มีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว การเข้ามาช่วยทำทีมจึงไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร กลับสนุกด้วยซ้ำ ที่ได้เข้ามาเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ในทีม และเรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคน เพราะในทีมก็คือเด็กอะคาเดมี่ที่รอโอกาสเล่นในไทยลีก ทีมบ้านบึงจึงถือเป็นเวทีสำหรับโอกาสน้อง ๆ ซึ่งผู้จัดการเนยมีหน้าซัพพอร์ตหลังบ้านให้กับนักเตะและเจ้าหน้าที่ทีม จะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแท็คติกหรือการฝึกซ้อมแต่อย่างใดปล่อยให้โค้ชทำงานอย่างเต็มที่
"อย่างโค้ชเอง (โค้ชโต้ง-ไพศาล โพธิ์นา) เขามีประสบการณ์อยู่แล้ว และทาง พี่อรรณพเองก็ยังให้โอกาสอยู่ ซึ่งเราก็ให้โอกาสเค้าทำงานอย่างเต็มที่ เราคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง แพ้ชนะไปด้วยกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน"
สำหรับเป้าหมายของทีมบ้านบึง คือตั้งใจจะเป็นเวทีสำหรับโอกาสให้กับนักเตะรุ่นใหม่ ซึ่งเด็กในทีมมีอายุเฉลี่ย 16-18 ปี สโมสรถือเป็นเวทีให้เขาได้ลงไปเล่นเพื่อที่จะโชว์ฝีเท้า สร้างประสบการณ์ให้กับน้อง ๆ เพื่อที่จะขึ้นไปชุดใหญ่ได้ นี่คือเป้าหมายหลักของทีม
"จริง ๆ พี่อรรณพและพี่บอล (ศศิศ สิงห์โตทอง) ก็จะคอยดูอยู่ห่าง ๆ และคอยให้คำปรึกษา ซึ่งถ้าเกมในบ้านส่วนใหญ่เขาจะมาดู และมีการคุยกันอยู่แล้วว่าบทบาทหน้าที่ที่ต้องทำเป็นอย่างไร ให้โอกาสโค้ชทำเต็มที่ ให้ทีมนี้เป็นเวทีสำหรับเด็ก ๆ ที่มีคุณภาพให้ประเทศ"
ส่วนอนาคตในวงการฟุตบอลของเนยนั้น เจ้าตัวยอมรับว่ายังไม่มีแผนจะขยับตำแหน่งไปทำอย่างอื่น เพราะมีหน้าที่อื่นที่ต้องรับผิดชอบ แต่ฟุตบอลถือเป็นการทุ่มเทความรัก และความชอบของตนเองออกมา ทำให้เธอมีความสุขกับบทบาทนี้
"ก็ยังไม่ทราบว่าอนาคตกับฟุตบอลจะไปที่ไหนต่อ แต่ตอนนี้เราก็ทำบ้านบึงให้ดีที่สุด และโฟกัสกับทีมนี้เท่านั้น เพราะตัวเองมีบทบาทหน้าที่อื่นที่เยอะอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นนักการเมืองท้องถิ่นอยู่แล้วด้วย ในบทบาทนักการเมืองก็แทบจะไม่มีวันว่างอยู่แล้ว ทั้งงานและแก้ปัญหาให้ชุมชนด้วย ซึ่งงานค่อยข้างเยอะอยู่แล้ว แต่กีฬาก็เป็นสิ่งที่เราชอบ ซึ่งพอมีเวลาก็จะมาทำตรงนี้ และสนุกกับงานนี้มาก ต้องเคลียร์คิวว่างให้กับทีมโดยตลอด เพราะฟุตบอลมันเป็นสิ่งที่เติมเต็มหน้าที่การงานของเรา เพราะเราดูบอลมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว มันก็เป็นความผูกพันธ์ที่เรารู้สึกว่าดีใจที่ได้มาทำ"
"สุดท้ายก็ขอฝากทีมบ้านบึงไว้ด้วยนะคะ ซึ่งเป็นทีมที่ให้โอกาสเด็ก ๆ เพื่อสร้างเยาวชนขึ้นมาให้กับประเทศไทย ติดตามทีมบ้านบึงได้ที่เพจ บ้านบึง เอฟซี" ลลิตา สิงห์โตทอง กล่าวทิ้งท้าย