คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
เน็ลเซิ่น มันเดลา (Nelson Mandela) อดีตประธานาธิบดีคนแรกของ อัฟริกาใต้ ผู้ต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ได้กล่าวไว้เมื่อปี 2000 ว่า “Sport has the power to change the world. It has the power to inspire. It has the power to unite people in a way that little else does. It speaks to youth in a language they understand. Sport can create hope, where once there was only despair.” แปลว่า “กีฬามีพลังเปลี่ยนแปลงโลก มีพลังสร้างแรงบันดาลใจ มีพลังในการรวมผู้คนเข้าด้วยกันในแบบที่สิ่งอื่นน้อยนักจะทำได้ มันสื่อภาษาที่คนรุ่นเยาว์เข้าใจรับรู้ได้ กีฬาสร้างความหวังได้ในที่ที่เคยมีแต่ความสิ้นหวัง” (ผู้แปล : กษิติ กมลนาวิน, 2023)
รางวัล กีฬาโลก ลอริอุ๊ส (Laureus World Sports Awards) เป็นรางวัลยิ่งใหญ่ประจำปีของวงการกีฬาที่มอบให้แก่บุคคลและทีมที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในรอบปีที่ผ่านมา เปรียบได้กับ รางวัล อ๊อสการ์ (Oscar) หรือ อะคาเดมี อะหวอร์ดส (Academy Awards) ในวงการภาพยนตร์นั่นเลย รางวัลนี้ก่อกำเนิดขึ้นจากความคิดของ ฮูเบิร์ท นอยเพอร์ (Hubert Neuper) นักสกีกระโดดไกล (Ski jumping) ดีกรีแช้มพ์โลกในยุคปี 1980-82 ชาวอ๊อสเตรีย ซึ่งต้องการจัดรายการมอบรางวัลให้แก่สุดยอดนักกีฬาในศตวรรษที่ 20 ในชื่อ World Sports Awards of the Century
ต่อมาได้ ริชมง (Richemont) เครือบริษัทด้านสินค้าแบรนด์เนม หรูหรา อัญมณี นาฬิกา เครื่องเขียน จาก สวิส ซึ่งมี โยฮัน รูเผิร์ท (Johann Rupert) มหาเศรษฐีชาว อัฟริกาใต้ เป็นประธาน พร้อมกับ เดมเล่อร์ (Daimler) ผู้ผลิตรถยนต์ของ เจอรมานี ซึ่งในปัจจุบันก็คือ แมรเซเด๊ส-เบ๊นซ์ กรุ๊พ (Mercedes-Benz Group) เข้ามาร่วมด้วยและจัดตั้งเป็นองค์กรการกุศลตั้งแต่ปี 1998 ในนาม ลอริอุ๊ส ซึ่งชื่อนี้เอามาจากคำว่า ลอเร็ล (Laurel) ในภาษากรีก ซึ่งเป็นพืชในวงศ์อบเชย ที่เขาเปรียบว่าเป็น ช่อมะกอก ดอกมะไฟ นิยมเอาใบของพืชนี้มาประดับเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ งานประกาศรางวัล ลอริอุ๊ส หนแรกจัดขึ้นในอีก 2 ปีต่อมา โดยมี เน็ลเซิ่น มันเดลา มาเป็นประธานและกล่าวสุนทรพจน์ที่ผมยกความตอนหนึ่งมาอ้างอิงนี่แหละครับ
ในปี 2023 นี้ กำลังจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ โดยมีรางวัลทั้งสิ้น 8 ประเภท และมีการแบโผผู้ที่มีชื่ออยู่ในข่ายที่จะคว้ารางวัลประเภทต่างๆ คือ รางวัลนักกีฬาที่มีพัฒนาการยอดเยี่ยมแห่งปี (Breakthrough of the Year) ผมว่าเด่นๆก็มี การโล้ส อัลการ๊าซ (Carlos Alcaraz) นักเท็นนิสเลือดสเปน มือ 2 ของโลก วัย 19 ปี คงต้องแย่งชิงกับ ทีมฟุตบอลชาติมาร็อก (Maroc) ที่โชว์ฟอร์มแกร่งมากและคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2022
รางวัลนักกีฬาที่กลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแห่งปี (Comeback of the Year) อันนี้มีชื่อของ คริสเตียน เอริกเซิ่น (Christian Eriksen) นักเตะทีมชาติเด็นมาร์ค วัย 31 ปี ที่หัวใจหยุดเต้นในเกมแรกกับ ฟินแลนด์ ในฟุตบอลยูโร 2020 (UEFA Euro 2020) แล้วสามารถกลับมาลงโชว์ฝีเท้าใน ฟุตบอลโลก 2022 ได้เต็มๆทุกเกม
นอกจากนั้นก็มี รางวัล นักกีฬาคนพิการยอดเยี่ยมแห่งปี (Sportsperson of the Year with a Disability) รางวัลนักกีฬาแอ๊คเชิ่น หรือกีฬาทางเลือก ยอดเยี่ยมแห่งปี (World Action Sportsperson of the Year) รางวัลกีฬาเพื่อคุณประโยชน์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Sport for Good Award) ส่วนรางวัลสำคัญที่แฟนกีฬาทั่วโลกจับจ้องเป็นพิเศษก็คือ รางวัลทีมกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี (Team of the Year) อันนี้มีชื่อ ทีมฟุตบอลหญิงของ อังกฤษ ที่คว้าแช้มพ์ทวีปยุโรป (UEFA Women's Euro 2022) แม้จะเป็นแช้มพ์รายการใหญ่หนแรกนับตั้งแต่ อังกฤษ คว้าแช้มพ์บอลโลกทีมชายมาได้ในปี 1966 แต่อันนี้ก็แค่ระดับทวีป ผมว่าคงสู้ทีมเต็งอีกทีมไม่ได้อย่างแน่นอน นั่นคือ ฟุตบอลชาย ทีมชาติ อารเฆ็นตีน่า ที่คว้าแช้มพ์ฟุตบอลโลก 2022
รางวัลนักกีฬาหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี (Sportswoman of the Year) เด่นที่สุดก็น่าจะเป็นเธอคนนี้ อีก้า ชว็อนเต็ก (Iga Świątek) นักเท็นนิสหญิงเลือดโปแลนด์ วัย 21 ปี มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน ส่วนรางวัลนักกีฬาชายยอดเยี่ยมแห่งปี (Sportsman of the Year) จะเป็นอื่นใดได้ยังไง ถ้าไม่ใช่ ลิโอเน็ล เม้สซี่ (Lionel Messi) กัปตันทีมฟุตบอลสัญชาติ อารเฆ็นตีน่า วัย 35 ปี ที่นำทีมชาติ ฟ้า-ขาว คว้าแช้มพ์โลก 2022 ได้สำเร็จ ... ผิดจากนี้ แฟนบอลทั่วโลกไม่ยอมแน่ครับ