คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ก่อนคิกออฟ ซูเปอร์โบว์ล LVII ใครที่เป็นแฟน แคนซัส ซิตี ชีฟส์ อาจรู้สึกถึงลางร้าย แพทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์ ได้รับเลือกคว้ารางวัล ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) สมัยที่ 2 เมื่อช่วงสายๆ ของวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ ตามเวลาบ้านเรา หากพิจารณาถึงสถิติย้อนหลัง เจ้าของรางวัลนี้ ต่างพบความปราชัยรอบชิงชนะเลิศ 9 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มสหัสวรรษใหม่
ประเด็นไสยศาสตร์ ใช่ว่าจะมีแต่ฝั่งตะวันออกที่มีคนจำนวนหนึ่งเชื่อสิ่งที่มองไม่เห็น แม้กระทั่งฝรั่งตาน้ำข้าว ก็เชื่อเรื่องพรรค์นี้เช่นกัน ซึ่งบทความนี้เคยยกตัวอย่างไปแล้วในวงการ เมเจอร์ ลีก เบสบอส (MLB) เช่น คำสาป Billy Goat ซึ่ง ชิคาโก คับส์ เฝ้ารอมา 108 ปี กว่าจะถอนได้ และ เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป (FSG) เจ้าของ ลิเวอร์พูล ผู้เป็นที่รักของสาวก “เดอะ ค็อป” เป็นผู้ล้างคำสาป “แบมบิโน” ซึ่งครอบงำ บอสตัน เรด ซ็อกซ์ นาน 86 ปี (1918-2004)
กลับมาวงการ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) MVP ฤดูกาลปกติคนสุดท้ายที่สัมผัสโทรฟี “วินซ์ ลอมบาร์ดี” คือ เคิร์ต วอร์เนอร์ ควอเตอร์แบ็ก เซ็นต์ หลุยส์ แรมส์ ฤดูกาล 1999 (ตรงกับ ซูเปอร์โบว์ล นับจากนั้นยังไม่เคยมี MVP ฤดูกาลปกติคนใด พาทีมคว้าแชมป์ได้เลย แต่ถ้าจะย้อนถึง 20 กว่าคน เกรงว่าพื้นที่จะไม่พอ ดังนั้นจึงขอคัดเฉพาะคนที่ฝ่าฟันมาจนถึง ซูเปอร์โบว์ล 9 คน ก็แล้วกัน
เริ่มฤดูกาล2001 วอร์เนอร์ เป็น MVP อีก 1 สมัย ทว่า แรมส์ พ่าย นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ ตามด้วย ฤดูกาล 2002 ริช แกนนอน ควอเตอร์แบ็ก โอคแลนด์ เรดเดอร์ส เสีย 5 อินเทอร์เซ็ปต์ สถิติสูงสุดของ ซูเปอร์โบว์ล โดย 3 จากทั้งหมด ถูกวิ่งย้อนทัชดาวน์ แพ้ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ขาดลอย 21-48
ชอน อเล็กซานเดอร์ รันนิงแบ็ก คว้า MVP ฤดูกาล 2005 จากผลงานวิ่ง 1,880 หลา 27 ทัชดาวน์ เฉพาะฤดูกาลปกติ ปรากฏว่า ซีแอตเทิล ซีฮอว์กส แพ้ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส 10-21 ถัดมาฤดูกาล 2007 ทอม เบรดี แห่ง นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ ชวด เพอร์เฟ็คท์ ซีซัน อย่างน่าเสียดาย ด้วยความปราชัยแค่เกมเดียวแก่ นิว ยอร์ก ไจแอนท์ส ในศึกซูเปอร์โบว์ล
ต่อมา แมนนิง เป็น MVP ฤดูกาล 2009 กับ 2013 แล้วอกหักทั้ง 2 ครั้ง กับ อินเดียนาโปลิส โคลท์ส และ เดนเวอร์ บรองโกส์ ตามลำดับ ถัดมา แคม นิวตัน ควอเตอร์แบ็ก แครอไลนา แพนเธอร์ส คว้า MVP ฤดูกาล 2015 ด้วยฟอร์มสมฉายา “ซูเปอร์แมน” ก่อนเสียท่าแก่ บรองโกส์ และครั้งที่แฟนๆ NFL จดจำกันได้ คือ ซูเปอร์โบว์ล ที่ดราม่าสุดๆ แม็ตต์ ไรอัน ควอเตอร์แบ็ก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ดีกรี MVP ฤดูกาล 2016 ขึ้นนำ นิว อิงแลนด์ 28-3 แล้วแพ้ช่วงต่อเวลาอย่างเหลือเชื่อ
เบรดี ได้ MVP อีก 1 สมัย ฤดูกาล 2017 ขนาดขว้างระยะ 505 หลา สูงสุดของ ซูเปอร์โบว์ล แต่ถูกแซ็กเสียฟัมเบิลควอเตอร์ 4 นำไปสู่ความพ่ายแพ้แก่ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ หากพิจารณาคนที่น่าเห็นใจสุด คือ แอรอน ร็อดเจอร์ส ควอเตอร์แบ็ก กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส เนื่องจากได้ MVP 4 สมัย ฤดูกาล 2011, 2014, 2020 และ 2021 แต่ไม่มีสักครั้งที่เข้าถึง ซูเปอร์โบว์ล สถิติแพ้รอบดิวิชันแนล กับ ชิงแชมป์สายเอ็นเอฟซี (NFC) อย่างละ 2 ครั้ง
สำหรับ ซูเปอร์โบว์ล ครั้งล่าสุด วินาทีที่เห็น แพทริค มาโฮมส์ เดินโขยกเขยกเนื่องจากถูกแท็คเกิลจนบาดเจ็บข้อเท้าขวา แผลเก่าจากรอบดิวิชันแนล พบ แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส ทำให้เกิดความคิดว่า จอมทัพวัย 27 ปี น่าจะตกเป็นเหยื่อของอาถรรพ์ MVP ลำดับที่ 10 กระทั่งเกิดจุดพลิกผันหลายจุดครึ่งหลัง แคนซัส ซิตี ได้ทัชดาวน์เร็วเพียงการบุกชุดแรกของควอเตอร์ 3 และความมหัศจรรย์ของ คาร์ดาเรียส โทนีย์ ปีกนอก ซึ่งรับบอล 1 สกอร์ กับ วิ่งย้อนพันท์ 65 หลา ซึ่งเพลย์จุดประกายแบบนี้ คือ สิ่งที่ ฟิลาเดลเฟีย ขาดหาย
สุดท้ายนี้การปลดคำสาป MVP เกิดจากทัศนคติของผู้เล่น ฟิลาเดลเฟีย เสียโทษรบกวนปีก ทำให้ แคนซัส ซิตี ได้ครองบอลต่อ และ เจอริค แม็คคินนอน รันนิงแบ็ก มีโอกาสวิ่งเข้า เอนด์ โซน ขณะเหลือเวลามากกว่า 1 นาที แต่แทนที่จะได้ชื่อว่าเป็นคนทำทัชดาวน์ กลับยอมทิ้งตัวตรงเส้น 2 หลา เพื่อเผาเวลานอกของ อีเกิลส์ และปล่อยให้เวลาแข่งขันเดินต่อ ก่อนเตะฟิลด์โกลแบบไม่ปล่อยให้ อีเกิลส์ มีโอกาสแก้ตัว
ครั้งหนึ่งฤดูกาลที่แล้ว (ถ้าจำผิดขออภัย) เคยมีเกมพลิกล็อกหลายสนามช่วงวินาทีสุดท้าย นั่นอาจเป็นกรณีศึกษาของ แอนดี หรีด เฮดโค้ชมากประสบการณ์ เนื่องจากเกมนั้นฝ่ายขึ้นนำทำสกอร์ แล้วเหลือเวลาให้คู่ต่อสู้บุกตอบโต้ ดังนั้นถ้าคิดจะตีงู หรือ นกอินทรี ก็ต้องตีให้ตาย อย่าปล่อยให้แว้งกลับมากัดเราได้อีก นั่นคือความละเอียดและความเขี้ยวลากดินของ หรีด อย่างแท้จริง ที่มีส่วนปลดคำสาป MVP ในซูเปอร์โบว์ล