"บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าปี 2566 เป็นอีกปีที่การแข่งขันเทควันโดมีความเข้มข้นอย่างมาก ทั้งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา, เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีน, เอเชี่ยนอินดอร์และมาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทย รวมทั้งศึกชิงแชมป์โลก, เวิล์ด กรังด์ปรีซ์ เรียกได้ว่ามีแข่งขันเกือบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นจอมเตะไทยทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
ในส่วนของสมาคมฯ นั้น จะส่งนักกีฬาไปแข่งขันรายการนานาชาติ เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค.นี้ ทั้ง "ดัตช์ โอเพ่น" ที่เนเธอร์แลนด์ ต่อด้วย "เบลเยียม โอเพ่น" ที่เบลเยียม ซึ่งทั้ง 2 รายการ เป็นแมตช์เก็บแต้มไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 เป็นเวทีให้นักกีฬาเสริมประสบการณ์ เนื่องจากนักกีฬาจากยุโรป มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากของทั้งเอเชียและโซนอเมริกา ซึ่งเราจะส่งนักกีฬาชุดใหญ่ ไปแข่งขัน แต่ในรายของ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2020 จะลงแข่งขันเพียงรายการเดียว คือ เบลเยียม โอเพ่น
"บิ๊กเอ" กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีหลายชาติขอมาฝึกซ้อมกับไทย ทั้งไต้หวันและจีน ซึ่งเป็นชาติที่มีความแข็งแกร่งในกีฬาเทควันโด ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องดี และได้คุยกับทาง "โค้ชเช" ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนแล้วว่าไม่กังวลอะไร ไม่กลัวว่าเขาจะมาล้วงตับล้วงข้อมูลของเราแต่อย่างใด การได้สองชาติมาร่วมฝึกซ้อมถือเป็นการแลกเปลี่ยนด้านเทคนิค เสริมทักษะและประสบการณ์และร่วมพัฒนานักกีฬาไปด้วยกัน
"ส่วนเรื่องที่แฟนกีฬาชาวไทยเป็นห่วงว่าช่วงเวลาของศึกซีเกมส์กับชิงแชมป์โลก ติดกัน น้องเทนนิส สมควรจะลงแข่งขันทั้ง 2 รายการหรือไม่นั้น เรื่องนี้เราได้พิจารณาแล้วเห็นว่าหากจะต้องเลือกก็คงต้องให้ น้องเทนนิส ไปลุยศึกชิงแชมป์โลก เพราะว่ามีแต้มสะสมสูงมาก ประการสำคัญหากบาดเจ็บจากซีเกมส์แล้วไปแข่งชิงแชมป์โลกไม่ได้ ก็จะเสียหายหนักกว่า ไม่คุ้มค่าแน่นอน อีกอย่างปีที่แล้วเราเสียแชมป์ให้กับสาวเม็กซิโก ฉะนั้นปีนี้เราจะไปเอาแชมป์โลกกลับมาให้ได้ ส่วนซีเกมส์ ผมเองยังมั่นใจว่าไม่ว่าจะส่งชุดใหญ่หรือชุดผสม ร่วมแข่งขัน เราก็จะยังทำผลงานที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ กลับมาสู่ประเทศไทยแน่นอน" บิ๊กเอ กล่าว