คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ผ่านไปอย่างตื่นเต้นสนุกสนาน สำหรับรายการศึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมของ One Championship ที่กลับมาเปิดศึกที่สังเวียนอิมแพ็คอารีน่าในบ้านเรา ให้แฟนๆ ได้ดูกันสดๆ เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เมื่อวันเสาร์วันเด็กที่ผ่านมา แม้จะซัดกันในช่วงเวลาแปลกๆ คือเริ่มคู่แรก 8 โมงเช้าบ้านเรา แต่นั่นก็เพื่อถ่ายทอดสดไปตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักสู้ไทยหลายรายที่ได้ขึ้นสังเวียนก็โชว์ฟอร์มได้สนุกสนานตื่นเต้น แม้จะผิดหวังบ้างกับการที่ยอดมวยอย่าง “ซูเปอร์บอน สิงห์มาวิน” โดนหมัดของซิงกิซ อัลลาซอฟทิ่มร่วงแล้วร่วงอีกจนพ่ายน็อกไปแค่ยก 2 เสียแชมป์มวยไทยของ One ในรุ่นเฟเธอร์เวทไป รวมทั้งการที่ “อนิสสา เม็กเซน” ต้องขอถอนตัวทำให้ไม่ได้ดูศึกมวยลูกผสม สลับกติการะหว่างมวยไทย/MMA กับแสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ซึ่งทางรายการก็จัดให้แสตมป์พบกับซูเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทยในแบบคิกบ๊อกซิ่ง ให้แฟนๆ ได้ดูลีลากัน โดย “สาวแสตมป์” แลกหมัดแลกแข้งกับนักชกรุ่นน้องอย่างสนุกสนานตื่นเต้น ก่อนจะเอาชนะคะแนนไปหวุดหวิด
แต่ที่ฮือฮากว่านั้น เห็นจะเป็นในช่วงการแถลงข่าวก่อนการแข่งขัน ที่บอสใหญ่อย่างชาตรี ศิษย์ยอดธง ประกาศแผนใหญ่ 3 ข้อ คือ การทุ่มเงิน 10 ล้านบาท เพื่อช่วยต่อยอดและยกระดับค่ายมวยไทยในระดับรากหญ้า เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศในกีฬามวยไทยให้ยกระดับการฝึกซ้อมและให้มีพัฒนาการด้านต่างๆ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับนักมวยไทยโดยรวมด้วย ถือเป็นข่าวดีที่น่าตื่นเต้นจริง ต่อด้วยข่าวเตรียมให้ “สาวแสตมป์” ได้ขึ้นชิงเข็มขัดแชมป์ “เฉพาะกาล” ในประเภทคิกบ๊อกซิ่ง กับอนิสสา เม็กเซนนี่แหละ ในช่วงเดือนมีนาคมนี้เลยถ้าสถาพร่างกายของนักสู้ทั้งสองคนพร้อม ก็น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนๆ ชาวไทยที่จะได้เห็นสาวไทยขึ้นชิงเข็มขัดที่ตัวเองเคยเป็นเจ้าของมาอยู่แล้ว แต่งานนี้ก็ต้องรอติดตามข่าวไปก่อนเพราะอนิสสา เม็กเซนนั้นเสียเครดิตไปพอสมควรกับการทำน้ำหนักไม่ได้ในกำหนดที่จะขึ้นสู้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาสุดๆ น่าจะเป็นข่าวที่ทางบิ๊กบอสชาตรี ศิษย์ยอดธง ประกาศเตรียมจัดรายการมวยไทยแบบมวยรอบ โดยจะจัดนักมวยไทยในสังกัดของ One มา 16 คน ซัดกันเป็นรอบๆ แบบไม่จำกัดพิกัดรุ่น มวยดีๆ จะได้เจอกันโดยไม่มีเส้นแบ่งรุ่นมาขีดคั่น แถมชิงรางวัล 1 ล้านเหรียญหรือ 30 กว่าล้านบาท งานนี้พอประกาศมาแฟนมวยหลายๆ คนก็ซู้ดปาก เพราะเชื่อว่าหาไม่ได้อีกแล้วที่นักมวยไทยระดับสุดยอดเหล่านี้จะได้มาเจอกัน รวมทั้งบรรดายอดมวยไทยในสังกัด One ทั้งหลายก็เตรียมฟาดฟันกันสุดฤทธิ์
แต่อีกมุมหนึ่ง มวยหรือกีฬาการต่อสู้ทั้งหลาย มีการแบ่งรุ่น ก็เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เพราะกีฬาที่เป็นกีฬาที่ใช้กำลังห้ำหั่นกันเต็มๆ แบบนี้ การที่คู่ต่อสู้มีรูปร่างและน้ำหนักต่างกันมาก มันก็มีการได้เปรียบเสียเปรียบกันเยอะ เอาจริงในความเป็นจริงในวงการก็มีการชกแบบ “ต่อน้ำหนัก” กันบ้างอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ที่ต่อน้ำหนักกัน ก็เป็นมวยที่ฝีมือเหนือกว่ามากๆ ต่อน้ำหนักให้มวยที่เป็นรองกว่า และการต่อน้ำหนักก็ต่อกันนิดๆ หน่อยๆ ปอนด์สองปอนด์ แต่งานนี้ถ้า One FC จัดยอดมวยล้วนๆ มาเจอกัน แต่น้ำหนักต่างกันมากๆ ก็น่าเป็นห่วง เราไม่ต้องพูดถึงมวยรุ่นยักษ์ๆ กับรุ่นเล็กๆ เอารุ่นใกล้ๆ กัน สมมติมวยฟลายเวท ข้ามแบนตั้มเวท มาเจอมวยเฟเธอร์เวท ในพิกัดของ One Championship นี่ก็ต่างกัน 20 ปอนด์เข้าไปแล้ว มวยอย่างรถถัง ที่เดินหน้าเข้าใส่ ชกในรุ่นเดียวกันก็โดนหมัดของคู่ต่อสู้หลายหมัดอยู่แล้ว ถ้ามาโดนหมัดของมวยรุ่นใหญ่กว่ามากๆ ก็น่าเป็นห่วง อย่างมวยเมื่อวันเสาร์ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ก็น้ำหนักน้อยกว่าซูเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทยถึง 10 ปอนด์ แม้สุดท้ายจะชนะได้ แต่ก็โดนหมัดไปเต็มๆ หลายหมัด ซึ่งมวยหญิงยังพอบอกว่าน้ำหนักอาวุธไม่หนักหน่วงดุดันเท่ามวยชาย ก็ต้องดูว่า One FC ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของนักมวยอยู่แล้ว จะมีมาตรการรองรับอย่างไร แฟนๆ คอยติดตามรายการมันส์ๆ แบบนี้ได้เลย