แดเนียล โจนส์ ควอเตอร์แบ็ก นิว ยอร์ก ไจแอนท์ส เก็บชัยเพลย์ออฟเกมแรกของอาชีพ หลังขว้างระยะ 301 หลา 2 ทัชดาวน์ และถือบอลวิ่งเอง 78 หลา เอาชนะ มินเนโซตา ไวกิงส์ 31-24 ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) รอบไวล์ดการ์ด สายเอ็นเอฟซี (NFC) ที่สนาม ยู.เอส. แบงค์ สเตเดียม วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม
ซาควอน บาร์กลีย์ รันนิงแบ็ก ตะลุย 2 ทัชดาวน์ รวมสกอร์ขึ้นนำ 31-24 กลางควอเตอร์ 4 ก่อนทีมรับ ไจแอนท์ส ต้านทานไว้ได้ นับเป็นชัยชนะเพลย์ออฟครั้งแรกของแฟรนไขส์ นับตั้งแต่ซูเปอร์โบว์ล ปี 2012 ด้วยเพลย์รุมแท็คเกิล ที.เจ. ฮ็อคเกนสัน ไทต์เอนด์ หลังรับบอล 3 หลา จาก เคิร์ก เคาซินส์ ควอเตอร์แบ็ก บริเวณกลางสนาม ในดาวน์ที่ 4 ต้องการ 8 หลา เรียกเทิร์นโอเวอร์ ออน ดาวน์ (เสียการครองบอล เนื่องจากเล่น 4 ครั้ง ทำระยะต่ำกว่า 10 หลา) เหลือ 1 นาที 44 วินาที โดย ไวกิงส์ ไม่เหลือเวลานอก
โจนส์ กลายเป็นควอเตอร์แบ็กคนแรกของประวัติศาสตร์ NFL ซึ่งทำสถิติขว้างอย่างน้อย 300 หลา 2 ทัชดาวน์ และวิ่งอย่างน้อย 70 หลา
เคาซินส์ ขว้างบอลเข้าเป้า 31 จาก 39 ครั้ง ระยะ 273 หลา 2 ทัชดาวน์ และวิ่งเอง 1 ทัชดาวน์ปิดไดรฟ์การบุกชุดแรกของเกม และ จัสติน เจฟเฟอร์สัน ปีกนอกทำระยะสูงสุดของลีก ช่วงฤดูกาลปกติ แผลงฤทธิ์ไม่ออก รับบอลแค่ 1 ครั้งเฉพาะครึ่งหลัง จบเกมได้ระยะเพียง 47 หลา
ไวกิงส์ จุดประกายความหวัง เคาซินส์ ขว้างทัชดาวน์ 3 หลา ให้ เอิร์ฟ สมิธ จูเนียร์ ไทต์เอนด์ ตีตื้นเหลือ 21-24 และแซ็กของ แดเนียลล์ ฮันเตอร์ ไลน์แบ็คเกอร์ เป็นเหตุให้ ไจแอนท์ส พันท์ (เตะกินแดน) ครั้งแรกของเกม ก่อนตามตีเสมอ 24-24 จากฟิลด์โกลของ เกร็ก โจเซฟ
อย่างไรก็ตาม เพลย์ดังกล่าวเป็นการพลาดโอกาสทำสกอร์ใหญ่ หลัง เคาซินส์ มุดระยะ 1 หลา เปลี่ยนดาวน์ที่ 4 เป็นดาวน์ที่ 1 สำเร็จ ตรงเส้น 15 หลาแดนคู่ต่อสู้ ทว่ากลายเป็นโมฆะ เนื่องจาก คริสเตียน ดาร์ริซอว์ ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน เสียโทษขยับตัวก่อนสแน็ปบอล (False Start)
ถัดมา โจนส์ มุดระยะ 1 หลา เปลี่ยนดาวน์ที่ 4 เป็นดาวน์ที่ 1 สำเร็จ แบบไม่เสียโทษ กระทั่งยัดบอลให้ บาร์กลีย์ วิ่งเข้าเอนด์ โซน ช่วง 7 นาที 47 วินาทีสุดท้าย
ผลการแข่งขันสายเอเอฟซี (AFC) บัฟฟาโล บิลล์ส รอดพ้นความปราชัยแบบพลิกล็อก หลัง จอช อัลเลน ควอเตอร์แบ็ก เสีย 3 เทิร์นโอเวอร์ เอาชนะ ไมอามี ดอลฟินส์ หวุดหวิด 34-31 ที่สนาม ไฮจ์มาร์ก สเตเดียม เข้ารอบดิวิชันแนล พบ ซินซินเนติ เบงกอลส์ ทีมวางอันดับ 3 หรือ แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส ทีมวางอันดับ 4
เกมนี้ บิลล์ส สูญเสียความได้เปรียบ 17-0 แก่คู่ต่อสู้ซึ่งเข้าเพลย์ออฟ ด้วยผลงานพ่าย 5 จาก 6 เกมสุดท้ายของฤดูกาลปกติ และต้องใช้งาน สกายลาร์ ธอมป์สัน ควอเตอร์แบ็กรุกกี้ตัวเลือกอันดับ 3
สถานการณ์ทำท่าจะพลิก จังหวะ อัลเลน เสียฟัมเบิล (บอลหลุดจากการครอบครอง) และ แซ็ค ซีเลอร์ วิ่งย้อนทัชดาวน์ 5 หลา ทำให้ ดอลฟินส์ ขึ้นนำ 24-20 หลังเริ่มควอเตอร์ 3 เพียง 61 วินาที
อย่างไรก็ตาม อัลเลน ตอบโต้พ้วยการขว้าง 2 สกอร์ ภายในเวลาห่างกันแค่ 3 นาที 11 วินาที ให้ โคล บีสลีย์ ระยะ 6 หลา กลับขึ้นนำ 27-24 และ เกบ เดวิส ระยะ 23 หลา ทิ้งห่าง 34-24
การแข่งขันยังไม่ตัดสินกระทั่ง ทีมรับ บัฟฟาโล ทำหน้าที่ บีบให้คู่แข่งพันท์ 6 ครั้ง เสีย 2 เทิร์นโอเวอร์ และต้านทาน ไมอามี จนเสียเทิร์นโอเวอร์ ออน ดาวน์ ในการครองบอลชุดสุดท้าย หลัง ธอมป์สัน ขว้างดาวน์ที่ 4 ต้องการ 6 หลา โดย ไมค์ จีซิคกี ไทต์เอนด์ รับได้แค่ปลายมือ เหลือเวลา 2 นาที 22 วินาที
จากนั้น บัฟฟาโล ฆ่าเวลาจนหมด หลัง เดวิน ซิงเกิลทารี รันนิงแบ็ก ทำระยะ 7 หลา เปลี่ยนดาวน์ที่ 3 ต้องการ 7 หลา เป็นดาวน์ที่ 1 สำเร็จ
อัลเลน ขว้างบอลเข้าเป้า 23 จาก 39 ครั้ง ระยะ 352 หลา 3 ทัชดาวน์ เสีย 2 อินเทอร์เซ็ปต์ ซึ่งกลายเป็นคะแนนของ ดอลฟินส์ 11 แต้ม