เมื่อ "ฮอนดะ" ยกระดับ "นักรบอังกอร์วัด" / แมวดำ

คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ

ชัยชนะ 3-1 ของทีมชาติไทย เหนือ กัมพูชา ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 ที่ประเทศไทย จากสกอร์ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องปกติ หรือบางคนอาจจะบอกว่ายิงน้อยเกินไป แต่เชื่อว่าใครก็ตามที่นั่งชมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ หรือรับชมอยู่ที่สนามคงคิดตรงกันข้าม

กัมพูชา ชุดนี้เริ่มการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียนด้วยการหักปากกาเซียน เปิดบ้านเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ทีมรวมลูกครึ่งลูกควบทั้งหลายมา 3-2 , บุกแพ้ อินโดนีเซีย 2-1 ที่สนามเกโลร่า บัง การ์โน่ และเปิดบ้านชนะ บรูไน 5-1

การมี 6 คะแนน จาก 3 นัด ก่อนดวลทีมชาติไทย นัดสุดท้ายของกลุ่มเอ นั้นทำให้มีความหวังเล็กๆ ที่จะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกของ กัมพูชา ขณะที่ทีมชาติไทย มี 7 แต้ม จากชัยชนะ 2 นัด เสมอ 1 นัด ต้องการชัยชนะเพื่อคว้าอันดับ 1 ของกลุ่ม สำหรับเป้าหมายที่จะได้เล่นนัดเป็นทีมเหย้าในนัดที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศ

สำหรับทีมชาติกัมพูชา อุดมไปด้วยผู้เล่นอายุน้อยเป็นหลัก มีนักเตะที่อายุต่ำกว่า 23 ปี ถึง 9 คนร่วมทีมชุดนี้ ส่วนคนที่มีอายุเกินกว่า 25 ปี เพียงแค่ 7 คนเท่านั้น ซึ่งตัวหลักอายุน้อยที่เล่นได้โดดเด่น อาทิ
หมายเลข 9 เสียง จันเทีย (อายุ 20 ปี)
หมายเลข 4 สัมบัท เทศ (อายุ 22 ปี)
หมายเลข 7 พิโสธ ลิม (อายุ 21 ปี)

การที่ทัพขุนพลนักรบแห่งแดนปราสาทหิน ยกระดับได้ดีขึ้นผิดหูผิดตามาจากความช่วยเหลือของ เคสุเกะ ฮอนดะ ตำนานนักเตะชาวญี่ปุ่นที่มาร่วมงานกันเมื่อปี 2018 เพื่อแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เริ่มจากผลงานการพ่ายแพ้อิหร่าน 14-0

การมาของ ฮอนดะ นั้นไม่ใช่ว่านึกจะมาเขาก็มา ก่อนหน้านี้เจ้าของฉายา "เบ็คแฮมแห่งญี่ปุ่น" เคยมาเปิดอะคาเดมี่ที่กรุงพนมเปญมาตั้งแต่ปี 2016 และเจ้าตัวก็มักเดินทางมาติดตามพัฒนาการของนักเตะเยาวชนกัมพูชามาโดยตลอด ก่อนตัดสินใจรับงานคุมทีมชาติ โดยไม่รับเงินเดือนตั้งแต่วันแรก

จากสไตล์การเล่นที่ดุดัน รวมเร็ว รวมทั้งการบีบพื้นที่ของนักเตะกัมพูชา และการแพ้เพรสซิ่งจากการบีบพื้นที่ของนักเตะไทย อย่างเนียนตา สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลชาวไทย และสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก และไม่ว่าจะเปลี่ยนใครมาในครึ่งหลังเกม พูดปากเปล่าก็ดูเลื่อนลอย แต่สถิติของ กัมพูชา ในรายการชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้ มีผลการยิงประตูถึง 10 ประตู จาก 4 เกม และถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่เข้าร่วมรายการนี้มาในปี 1996

ขณะที่ ฮอนดะ เองเคยกล่าวถึงแผนการของเขากับ กัมพูชา ว่ามีเป้าหมายไปถึงซีเกมส์ 2023 ที่พวกเขาจะได้เป็นภาพภาพว่า "อะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงการฟุตบอล ดังนั้นไม่ว่าแข่งกับไทยหรือเวียดนาม เราสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยก็ตาม เราพยายามเพิ่มเปอร์เซ็นต์ แม้จะมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องพยายาม"

"เรามีแผนที่ชัดเจน 2 อย่างสำหรับซีเกมส์ 2023 อย่างแรก เราจะมีการเก็บตัวทั้งในและต่างประเทศ เราจะมีเวลามากพอที่จะปรับปรุงด้านเทคนิคและร่างกาย"

"อย่างที่สอง เราจะใช้ผู้เล่นที่อายุเกิน และประเทศอื่นๆ ก็จะใช้เช่นกัน เราจะเลือกผู้เล่นอายุเกินที่ต้องพิเศษกับทีมจริงๆ"

แน่นอนว่าขนาดเล่นที่ประเทศไทยกับนักเตะชุดใหญ่ของเรา ขุนพลอังกอร์วัดยังโหดขนาดนี้ แล้วเมื่อกลับไปเล่นที่บ้านเขา ทีมชาติไทย ที่จะส่งชุด U23 ไปแข่งขัน เมื่อต้องเจอกับ กัมพูชา พวกเขาจะโหดขนาดไหน....