โมร็อคโก เล่นด้วยสไตล์รับแล้วโต้ ขัดแย้งกับทีมที่เหลืออยู่ของศึกฟุตบอลโลก 2022 กลายเป็นทีมจากทวีปแอฟริกาทีมแรก ซึ่งทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ หลังเอาชนะ โปรตุเกส แบบพลิกล็อก 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม
วาลิด เรกรากุย กุนซือ กล่าว "เราคือ ร็อคกี บัลโบ (ตัวเอกของภาพยนตร์) ของฟุตบอลโลกครั้งนี้ เราเป็นทีมที่ทุกๆ คนชอบ เพราะเราแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ แม้คุณมีนักเตะเก่งๆ แค่ไม่กี่คน และเงินทุนเพียงเล็กน้อย"
"มันไม่มีปาฏิหาริย์ พวกคุณส่วนมากอาจบอกว่านี่คือปาฏิหาริย์ โดยเฉพาะฝั่งยุโรป แต่เราโค่น เบลเยียม, สเปน และ โปรตุเกส โดยไม่เสียประตู เราสร้างความภูมิใจแก่ประชาชน และภูมิภาคของเรา หากคุณดูภาพยนตร์ ร็อคกี คุณย่อมเป็นกำลังใจให้ ร็อคกี บัลโบ"
ตลอดการแข่งขัน 5 แมตช์ โมร็อคโก เสียแค่ 1 ประตู จากการทำเข้าประตูตัวเอง พบ แคนาดา นอกเหนือจากชัยชนะเหนือ โปรตุเกส, เบลเยียม และ สเปน ทีมของ เรกรากุย รักษา คลีน ชีต (ไม่เสียประตู) เกมพบ โครเอเชีย (เสมอ 0-0)
"ฝอยทอง" ครองบอล 73.2 เปอร์เซ็นต์ สร้างโอกาสยิงประตู 12 ครั้ง แต่ตรงกรอบแค่ 3 ครั้ง โดยไม่มีลูกใดสร้างความลำบากใจแก่ ยาสซิน บูนู นายทวารสังกัด เซบียา
สถิติดังกล่าวเกิดขึ้น โดย "สิงโตแห่งแอตลาส" ขาดแนวรับตัวหลักอย่าง นุสแซร์ มาซราอุย (ป่วย), นาเยฟ อาเกิร์ด (บาดเจ็บ) และ โรแมง ซาอิสส์ เซ็นเตอร์แบ็ก บาดเจ็บถูกเปลี่ยนออกนาที 57
เรกรากุย ยืนยันเส้นทางของ โมร็อคโก จะไม่ยุติลงแค่รอบรองชนะเลิศ "สื่งสำคัญสำหรับนักเตะรุ่นหลัง คือ เราแสดงให้เห็นว่ามันเป็นไปได้สำหรับทีมจากทวีปแอฟริกาที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ หรืออาจไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ?"
"ในการแถลงข่าว 3-4 แมตช์ก่อน ผมถูกถามเสมอว่า เราจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกไหม แล้วผมตอบว่า ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เรามีความฝัน ทำไมเราจะต้องหยุดฝันล่ะ หากคุณไม่มีความฝัน คุณจะไม่มีวันไปถึงไหน มันไม่ได้ทำให้คุณสูญเสียอะไรเลย"