คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นั้นอย่างที่ทราบ มีแต่เสียงวิจารณ์ในแง่ลบตั้งแต่ กาตาร์ ได้รับการโหวตให้เป็นเจ้าภาพเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง สหรัฐฯ, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย เมื่อปี 2010 เนื่องจากหากพูดถึงคู่แข่งที่เสนอตัวแล้ว เรื่องความพร้อมชาติอื่นเหนือกว่าทั้งหมด
ตอนที่พวกเขาได้รับการชัยชนะจากการโหวต แน่นอนว่าต้องมาสร้างสนามแข่งขันเพิ่มถึง 7 สนาม สร้างโรงแรมใหม่กว่า 100 แห่ง และสร้างเมืองแห่งใหม่ขึ้นอีก 1 แห่ง เพื่อใช้สำหรับสนามรอบชิงชนะเลิศ ทั้งหลายทั้งปวงที่ชาติเล็กๆ จากตะวันออกกลางเนรมิตขึ้นมาเพื่อการสร้างประวัติศาสตร์เจ้าภาพฟุตบอลโลก ครั้งแรกนั้น ละลายเงินหายไปถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(ประมาณกว่า 7.5 ล้านล้านบาท)
แน่นอนว่า กาตาร์ พยายามพัฒนาฟุตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชนด้วยการดึงอะคาเดมี่ระดับโลกอย่าง แอสไปร์ อะคาเดมี่ ช่วยวางระบบ พร้อมกับกว้านคว้าตัวเยาวชนฝีเท้าดีมาแปลงสัญชาติเพื่อปลุกปั้นและรวมทีมจนสร้างชื่อระดับเยาวชน แต่เมื่อถึงฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองในเรื่องฟุตบอลด้วยการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
โดย กาตาร์ ใช้เวลาเพียง 9 วัน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 3 นัด และแพ้รวดให้กับคู่แข่งร่วมสาย เอ
แพ้ เอกวาดอร์ 0-2
แพ้ เซเนกัล 1-3
แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
เปลี่ยนสถานจากผู้เล่น เป็นเพียงผู้ชมอย่างรวดเร็ว และมีเสียงวิจารณ์จำนวนมาก ว่าเป็นเจ้าภาพที่ย่ำแย่ทั้งการจัดการ และผลงานทีม แม้ว่าขาใหญ่ กาตาร์ หลายคนจะบอกว่ามันคุ้มค่า กับการได้สร้างประวัติศาสตร์ การลงเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ครั้งแรก
ส่วนตัวแล้วชอบอย่างเดียว คือการที่ ฮัสซัน อัล-ทาวาดี เลขาธิการฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 พูดแบบเท่ๆ ว่าเป็นการเปิดประตูให้โลกได้รู้จักกาตาร์ ผ่านสายตาแฟนฟุตบอล ได้เรียนรู้ว่าโลกอิสลามก็มีความคลั่งไคล้ในฟุตบอลเช่นกัน
แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องความร่ำรวย รวยจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรก็ขอจัดฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายครั้งหนึ่งให้โลกได้จารึกเอาไว้ ส่วนผลงานได้แค่ไหนก็แค่นั้นจริงๆ
ทางกลับกันหากสมมติว่าเป็นประเทศยากจนรวมกันสัก 10 ประเทศ จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แล้วแต่ละชาติต้องทุ่มเงินระดับเดียวกัน หรือน้อยกว่าสักครึ่งของ กาตาร์ เพื่อจะได้จารึกประวัติศาสตร์ การเป็นเจ้าภาพ และลงเล่นรอบแรก 3 นัด แล้วจบกันไป คิดว่าคงไม่คุ้มกันหรอกมั้ง ... หรือคุณๆ ว่าอย่างไร