xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “ตระกูลริคเก็ตต์ส” ผู้ปลดคำสาปเบสบอล / MVP

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

สัปดาห์ที่แล้วเพิ่งเขียนถึง เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป (FSG) มาหยกๆ ไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องมาซ้ำอีกสักรอบ หลังเกิดกระแสข่าวจากสำนักที่มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูงอย่าง “ดิ แอธเลติก (The Athletic)” พิจารณาจากการเก็บเงินคนอ่านว่า ลิเวอร์พูล สโมสรอันโด่งดังของ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กำลังจะถูกขายต่อคิดเป็นมูลค่าราว 4,000 ล้านปอนด์ พอลองสังเกตปฏิกิริยาของ “เดอะ ค็อป” ทาง โซเชียล มีเดีย ส่วนมากต่างออกอาการดีใจ แต่ตามความเห็นส่วนตัว ผมรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย

ตามรายงานข่าวเมื่อวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน ระบุว่าผู้ที่แสดงความสนใจเทกโอเวอร์ ทีมย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ยังคงเป็นนายทุนสัญชาติอเมริกันเช่นเดิม สำหรับแฟนๆ ที่เฝ้ารอคอย มหาเศรษฐีอาหรับ เข้ามาทำทีมเพื่อยกระดับต่อกรอำนาจเงินตราของ แมนเชสเตอร์ ซิตี อาจไม่ค่อยชอบใจเท่าไร โดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงก็เป็นบุคคลในแวดวง 4 กีฬาอาชีพหลักของ สหรัฐอเมริกา คือ ตระกูล ริคเก็ตต์ส เจ้าของ ชิคาโก คับส์ แห่ง เมเจอร์ ลีก เบสบอล (MLB)

ตระกูล ริคเก็ตต์ส เพิ่งจะมีข่าวเชื่อมโยงกับวงการลูกหนังช่วงกลางปีนี้ พวกเขาเป็นกลุ่มทุนหนึ่งซึ่งร่วมแย่งชิงกรรมสิทธิ์ เชลซี หลัง โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ถูกรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร กรณีก่อสงครามยูเครน และบีบให้ขายสโมสร โดยไม่ได้รับผลตอบแทนแม้แต่บาทเดียว ก่อน “สิงโตน้ำเงินคราม” ตกมาอยู่ในมือ ท็อดด์ โบห์ลี นักธุรกิจชาวอเมริกัน และผู้นำกลุ่มทุน “เคลียร์เลก แคปิทัล (Clearlake Capital)”

ครอบครัว ริคเก็ตต์ส นำโดย โจ ริคเก็ตต์ส นักธุรกิจวัย 81 ปี ผู้ก่อตั้ง “ทีดี อเมริเทรด” บริษัทโบรกเกอร์แล้วเข้ามาเทกโอเวอร์ ชิคาโก คับส์ ร่วมกับทายาททั้ง 4 คน ได้แก่ ทอม หรือ โธมัส ประธาน, ลอรา, พีท และ ท็อดด์ หลังประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ เมื่อเดือนตุลาคม 2009 ใช้เวลาประมาณ 7 ปี พาทีมก้าวไปสู่แชมป์ เวิลด์ ซีรีส์ สมัย 3 ของแฟรนไชส์ ต่อจากปี 1907 กับ 1908 จะว่าไปเส้นทางของพวกเขาคล้ายๆ FSG เจ้าของ ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะกลายเป็นอดีต

ชัยชนะของ คับส์ เหนือ คลีฟแลนด์ อินเดียนส์ 8-7 วันที่ 2 พฤศจิกายน 2016 ถือเป็นการปลดคำสาปร้าย “Billy Goat Curse” ซึ่งครอบงำแฟรนไชส์มายาวนาน 71 ปี เริ่มจากเหตุการณ์ เวิลด์ ซีรีส์ เกม 4 ระหว่าง คับส์ กับ ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส เมื่อปี 1945 วิลเลียม ซิอานิส เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ประจำเมืองชิคาโก เข้ามาชมการแข่งขัน ที่สนาม ริกลีย์ ฟิลด์ พร้อมกับสัตว์เลี้ยงคู่ใจเป็นแพะมีชื่อว่า “เมอร์ฟีย์” สร้างความรำคาญแก่ผู้ชมคนอื่นๆ จึงถูกเชิญออกจากสนาม ทำให้ ซิอานิส เกิดอาการหัวร้อน กล่าวคำสาปแช่ง “พวกแกจะแพ้การแข่งขัน เวิลด์ ซีรีส์ ครั้งนี้ และจะไม่มีวันเป็นแชมป์อีกต่อไป”

ผลการแข่งขันครั้งนั้นปรากฏว่า ชิคาโก คับส์ แพ้เกม 4 ถูกตีเสมอซีรีส์ 2-2 เกม และกลายเป็น ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส คว้าแชมป์ไปครอง หลังชนะซีรีส์ 4-3 เกม (แข่งระบบ 4 ใน 7 เกม) และนับจากนั้น คับส์ ไม่เคยทะลุมาถึงรอบชิงชนะเลิศ MLB ได้เลยจนถึงปี 2016 ขณะที่ FSG ก็เป็นผู้ปลดคำสาปแห่งวงการเบสบอลที่มีชื่อว่า “คำสาปแบมบิโน (the Curse of Bambino)” ซึ่งเล่นงาน บอสตัน เรด ซ็อกซ์ มายาวนาน 86 ปี และถือกำเนิดขึ้น หลังปล่อย “เดอะ แบมบิโน” เบ็บ รูธ แบ็ตเตอร์ (คนตีลูก) ระดับตำนาน ไป นิว ยอร์ก แยงกีส์ เมื่อปี 1920

ก่อนหน้าสูญเสีย รูธ ซูเปอร์สตาร์ของแฟรนไชส์ เรด ซ็อกซ์ เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด กวาดแชมป์ 5 สมัย ตลอดการแข่งขัน เวิลด์ ซีรีส์ 15 ปีแรก โดย รูธ เป็นตัวหลักของทีมชุดแชมป์ ปี 1915, 1916 และ 1918 แต่นับจากแชมป์ปีครั้งล่าสุด (1918) แฮร์รี ฟราซี เจ้าของทีม ต้องการทุนเพื่อสร้างละครบรอดเวย์ จึงเริ่มมีแนวขาย รูธ ตั้งแต่นั้นกระทั่งกระบวนการเสร็จสิ้นปี 1920 ฟันรายได้ 100,000 เหรียญสหรัฐ ทำให้ แยงกีส์ กลายเป็นมหาอำนาจของกีฬาเบสบอลจนถึงทุกวันนี้ กว่า เรด ซ็อกซ์ จะทวงแชมป์คืนต้องรอถึงปี 2004 หลังการเทกโอเวอร์ของ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เจ้าของ ลิเวอร์พูล นี่แหละ
กำลังโหลดความคิดเห็น