กลุ่มทุนดูไบ พิจารณายื่นข้อเสนอซื้อ ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่า พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มูลค่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 184,000 ล้านบาท) หลัง เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป (FSG) นายทุนอเมริกัน ประกาศขายสโมสร ตามรายงานข่าวย่านตะวันออกกลาง
"เอฟเอสจี" เตรียมสละกรรมสิทธิ์ "เดอะ เรดส์" หลังครอบครองมานาน 12 ปี และคลอดแถลงการณ์ฉบับวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน ระบุ "ยินดีพิจารณาหุ้นส่วนรายใหม่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของ ลิเวอร์พูล" ขณะที่ โกลด์แมน แซ็คส์ และ มอร์แกน สแตนลีย์ สถาบันการเงินของ สหรัฐอเมริกา กำลังหาผู้ซื้อ
"ฟอร์บส" แม็กกาซีนชื่อดังด้านธุรกิจ ประเมินมูลค่า ทีมย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ไว้ 3.5 พันล้านปอนด์ (148,000 ล้านบาท) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกือบ 12 เท่าของมูลค่าที่ เอฟเอสซี เทกโอเวอร์เมื่อปี 2010 โดย บริษัทลงทุนด้านกีฬา ตั้งราคาไว้ 4 พันล้านปอนด์ (169,000 ล้านบาท) คาดว่าเหล่านักลงทุนต้องร่วมลงขันจำนวนมากเพื่อซื้อกิจการสโมสร
ดังนั้นโอกาสของ กลุ่มทุนย่านตะวันออกกลาง สำหรับซื้อ แชมป์ยุโรป 6 สมัย กลายเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากความมั่งคั่งทางการเงิน โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 พ.ย.) "อาราเบียน บิซิเนส" เผยว่า "ดูไบ อินเตอร์เนชันแนล แคปิทัล (DIC)" แสดงความสนใจ "หงส์แดง" อยู่
คราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของ "ดีไอซี" ที่พยายามเทกโอเวอร์ แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 19 สมัย เนื่องจากเคยเสนอราคา 360 ล้านเหรียญสหรัฐ (13,300 ล้านบาท) เมื่อปี 2007
ซาเมียร์ อัล อันซารี ผู้ก่อตั้ง ดีไอซี เคยให้สัมภาษณ์ "อาราเบียน บิซิเนส" เมื่อปี 2014 อ้างว่าตนเป็นสาวก "เดอะ ค็อป" คนหนึ่ง "เราอาจจะเป็นกลุ่มทุนแรกที่เทกโอเวอร์ในย่านนี้ ตั้งแต่พวกเขา (ลิเวอร์พูล) คว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2005 เราเริ่มดำเนินการจริงจัง เมื่อปี 2006 และเกือบเทกโอเวอร์สโมสร เดือนมกราคม 2007"
"สิ่งที่ฉุดรั้งเรา คือ ทุกคนรู้ว่า ซาเมียร์ เป็นแฟนพันธุ์แท้ ลิเวอร์พูล คนหนึ่ง รวมถึงเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ดังนั้นเราต้องตรวจสอบทรัพย์สิน 3 ครั้ง เนื่องจากเราต้องแสดงถึงวิสัยทัศน์ด้านธุรกิจ มีเพียงไม่กี่สโมสร ซึ่งคุณสามารถแสดงวิสัยทัศน์ด้านธุรกิจได้
