แฮร์ริสัน โครว์ ก้านเหล็กจากออสเตรเลีย พลิกสถานการณ์คว้าแชมป์เอเชีย-แปซิฟิก อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 ที่สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ หลังจบด้วยสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 เฉือน โบ จิ้น ไปแค่สโตรคเดียว ด้าน พงศภัค เหล่าภักดี ทำผลงานดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย จบด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 280 รั้งอันดับ 5 ร่วม
สมาพันธ์กอล์ฟเอเชีย-แปซิฟิก (เอพีซีจี) ร่วมกับ เดอะ มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนต์ และ เดอะ อาร์แอนด์เอ จัดการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นรายการสำคัญของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายการ “เอเชีย แปซิฟิก อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ” หรือ “เอเอซี” ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ ระยะ 7,502 หลา พาร์ 72 จ.ชลบุรี โดยมีนักกอล์ฟสมัครเล่นระดับแถวหน้าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมชิงชัย 120 คนจาก 39 สมาชิกสหพันธ์ร่วมแข่งขัน ซึ่งรวมถึง 11 นักกอล์ฟจากไทย ประกอบด้วย รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ มือสมัครเล่นอันดับ 12 ของโลก, วีรวิชญ์ นาคประชา เจ้าของเหรียญทองแดงบุคคลซีเกมส์ที่เวียดนาม, พงศภัค เหล่าภักดี อดีตแชมป์ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น สองสมัย, อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช แชมป์ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น คนล่าสุด, จอมยุทธ์ เหลืองธนะอนันต์, จิรภัทร รุจิรวัฒน์, ณัฎฐพัชร์ แก้วพิบูลย์, ศุภกิจ สีลานาแก, ศรุต วงค์ชัยสิทธิ์, รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ และ อิงตะวัน หวังรุ่งวิชัยศรี
รอบสุดท้ายของการชิงชัย สถานการณ์การลุ้นแชมป์ช่วง 9 หลุมแรก โบ จิ้น ผู้นำสองวันแรก เร่งเครื่องทำเข้ามา 3 เบอร์ดี้ เสียไป 1 โบกี้ ขึ้นแซง แฮร์ริสัน โครว์ ผู้นำจากรอบที่ 3 ที่สตาร์ทไม่ดีเสีย 3 โบกี้ ก่อน โครว์ จะเร่งเครื่องทำ 3 เบอร์ดี้ติดตั้งแต่หลุม 11 จนถึงหลุม 13 ตามด้วยอีก 1 เบอร์ดี้ที่หลุม 15 และเสียโบกี้ที่หลุม 16 ขยับมาตามหลัง โบ จิ้น เหลือ 1 สโตรค กระทั่งหลุม 17 พาร์ 3 ระยะ 152 หลา ซึ่งเป็นหลุมซิกเนเจอร์ของสนามอมตะฯ กับกรีนในเกาะกลางน้ำ โบ ทีช็อตตกน้ำเสียดับเบิ้ลโบกี้ ขณะที่ โครว์ เก็บพาร์แซงขึ้นนำ จนถึงหลุมสุดท้ายได้พาร์ทั้งคู่ ทำให้จบเกม โครว์ ที่รอบนี้ทำอีเวนพาร์ 72 สกอร์รวมสี่วัน 13 อันเดอร์พาร์ 275 คว้าแชมป์พร้อมสิทธิ์ไปแข่งขัน เดอะ มาสเตอร์ส และ ดิ โอเพ่น ในปี 2023 ขณะที่ โบ ที่คว้าสิทธิ์ควอลิฟายรอบสุดท้ายของการแข่งขัน ดิ โอเพ่น ในปี 2023
โครว์ ซึ่งเป็นนักกอล์ฟชาวออสเตรเลียนคนที่ 3 ต่อจาก อันโตนิโอ มูร์ดาก้า (2014) และ เคอร์ติส ลัค (2016) เผยหลังคว้าแชมป์ว่า "ผมแทบทำเบอร์ดี้ไม่ได้เลยตลอดทั้งวัน จนมาถึงหลุม 11 มันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัน อย่างที่ผมเคยบอกว่าปีนี้ฟอร์มไม่ค่อยดี สัปดาห์นี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผมทำได้ และภูมิใจตัวเองที่สามารถปิดเกมได้ เหมือนกับที่ได้ให้คำมั่นกับโค้ชทางโทรศัพท์ก่อนที่จะเริ่มแข่งขัน กับสิ่งที่ทำมาตลอดมันได้ผลลัพธ์ที่ดีตอบแทนกลับมา"
พร้อมกันนั้นแชมป์ยังเผยถึงเหตุการณ์ในหลุมสุดท้ายด้วยว่า "ผมตื่นเต้นมาก และชอตสองเกือบจะตีตกน้ำ แต่โชคดีที่ยังสามารถพาตัวเองจนกลับมาเซฟพาร์ได้ และวันนี้ผมพัตต์ได้ดีมาก ก่อนมาร่วมแข่งขันก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แค่มาร่วมแข่งขันเพื่อพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น และทุกอย่างออกมาเกินคาดมาก การได้ไปร่วมแข่งขันใน ดิ โอเพ่น และ เดอะ มาสเตอร์ส ปีหน้ากับการแข่งที่จะไปเล่นที่ รอยัล เมลเบิร์น ที่ ออสเตรเลีย ถือว่าน่าสนใจ เพราะไม่เคยเล่นที่นั่นมาก่อนด้วย มันคงเป็นสัปดาห์ที่สนุกอย่างแน่นอน"
ทางด้าน เจฟ ก๋วน จากออสเตรเลีย และ เรียวตะ ซูซูกิ ของญี่ปุ่น จบด้วยอันดับ 3 ร่วมด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 279 ขณะที่ "ฟีฟ่า" พงศภัค เหล่าภักดี วัย 17 ปี เป็นนักกอล์ฟไทยที่ผลงานดีที่สุด หลังจบด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 280 รั้งอันดับ 5 ร่วมกับ คาร์ล คอร์ปุส จากฟิลิปปินส์, มาซาโตะ ซูมิอูจิ, มินาโตะ โอชิมะ และ เลโอะ โอโยะ สามนักกอล์ฟจากญี่ปุ่น และ มินห์ยอค ซอง จากเกาหลีใต้
พงศภัค ที่ลงแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรกเผยว่า "ภูมิใจเพราะเป็นการลงแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกและสามารถติดท็อป 5 แต่ยังมีอะไรต้องปรับอีกเยอะ สำหรับการแข่งขันปีหน้าที่ รอยัล เมลเบิร์น ที่ออสเตรเลีย ก็หวังว่าจะได้รับโอกาสอีกครั้ง และยังมีเวลาอีก 1 ปีให้ฝึกซ้อม เพราะจากที่เห็นเราสู้กับนักกอล์ฟต่างชาติได้สบาย แค่ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ รวมถึงการได้รับโอกาสร่วมแข่งขันรายการดีๆ แบบนี้ ซึ่งได้สัมผัสนักกอล์ฟฝีมือดีมากมาย"
สำหรับผลงานนักกอล์ฟไทยคนอื่น "ทีเค" รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ จบอันดับ 13 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 282, ศรุต วงศ์ชัยสิทธิ์ รั้งอันดับ 17 ร่วม จากผลงานรวม 5 อันเดอร์พาร์ 283 ด้าน รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ สกอร์อีเวนพาร์ 288 จบอันดับ 35 ร่วม และ อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช จบสกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 289 รั้งอันดับ 38 ร่วม