คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ข่าวดราม่า คริสเตียโน โรนัลโด้ กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แข็งข้อต่อ เอริก เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ กรณีเดินกลับห้องแต่งตัว ก่อนจบเกม พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 2-0 ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด สัปดาห์ที่แล้ว ทำให้นึกถึง 2 ควอเตอร์แบ็กม้าแก่ แอรอน ร็อดเจอร์ส ของ กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส กับ ทอม เบรดี ของ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส กำลังตกที่นั่งลำบาก สถิติเท่ากัน ชนะ 3 แพ้ 4 ในฤดูกาล 2022 หรือนี่จะบ่งชี้ว่ายุครุ่งเรืองของทั้ง 3 คนกำลังมาถึงจุดจบ
สำหรับกรณี โรนัลโด้ ณ เวลาปั่นต้นฉบับอยู่นี้ เขากลับมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วกลับมาเป็นตัวจริงศึกยูฟา ยูโรปา ลีก พบ เชอริฟฟ์ ทิราสโปล นั่นแสดงว่าการไกล่เกลี่ยจบด้วยดี กระแสข่าวลือการย้ายทีมเดือนมกราคมน่าจะเบาบางลง แต่สุดท้ายยังน่าวิตกอยู่ว่า ถ้า เทน ฮาก จับไปนั่งสำรอง หรือ เปลี่ยนตัวออก เขาจะออกอาการเดิมๆ จนกลายเป็นปัญหาของทีมซ้ำซากหรือเปล่า ไม่มีใครทราบ
กลับมาเข้าเรื่อง อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) แพ็คเกอร์ส กับ บัคคาเนียร์ส ต่างมีจุดน่าเป็นห่วง กรีน เบย์ เสีย ดาวานเต อดัมส์ ปีกนอกคู่หูของ ร็อดเจอร์ส ย้ายไป ลาส เวกัส เรดเดอร์ส ช่วงออฟซีซัน โดยไม่มีตัวตายตัวแทน ขณะที่ แทมปา เบย์ เสีย 3 ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน อเล็กซ์ แค็ปปา (ฟรีเอเจนต์), ไรอัน เจนเซน (บาดเจ็บ), อาลี มาร์เพ็ต (รีไทร์) และไทต์เอนด์ ร็อบ กรอนคอฟสกี (รีไทร์)
ตามคุณภาพล้นแก้ว ร็อดเจอร์ส กับ เบรดี ระดับว่าที่ “ฮอลล์ ออฟ เฟม (หอเกียรติยศ)” และผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) หลายสมัย บวกกับ แทมปา เบย์ กับ กรีน เบย์ เป็นตัวเต็ง 2 อันดับแรกคว้าแชมป์สาย เอ็นเอฟซี (NFC) น่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่ยาก แต่เล่นไปเล่นมา 7 สัปดาห์ของฤดูกาล 2022 ทั้งคู่กลับดูเหมือนควอเตอร์แบ็กสิงห์เฒ่าที่เป็นตัวจริง
เริ่มจาก กรีน เบย์ แพ้ 3 เกมรวดแก่ทีมที่มีควอเตอร์แบ็กระดับตลาดล่าง แดเนียล โจนส์ (นิว ยอร์ก ไจแอนท์ส), แซ็ค วิลสัน (นิว ยอร์ก เจ็ตส์) และ เทย์เลอร์ ไฮนิคกี (วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส) สัปดาห์ถัดไปพวกเขาต้องเจอ จอช อัลเลน และผองเพิ่อน บัฟฟาโล บิลล์ส แม้ว่า ร็อดเจอร์ส วัย 38 ปี ยังเชื่อว่าจะเห็นแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์ กลับมายืนบนจุดที่ทีมควรอยู่ แต่ปัญหาของ “หัวเนยแข็ง” น่าจะฝังรากลึกกว่านั้น
ดังที่เกริ่นไว้แล้วว่า การขาดหายไปของ อดัมส์ ปีกนอกคู่ใจ ส่งผลให้ ร็อดเจอร์ส ขาดความเชื่อมั่นต่อขุมกำลังอื่นๆ ที่เหลืออยู่ พิจารณาการขว้างบอลเกมพบ คอมมานเดอร์ส ส่วนมากเป็นการขว้างเร็วออกด้านข้าง และ ปีกตัดเข้ามารับบอลด้านหลังแนววางลูก (Slant) กลายเป็นข้อจำกัดของการสร้าง “บิ๊กเพลย์” หรือทำระยะเป็นกอบเป็นกำจากการบุก 1 ครั้ง
ส่วน บัคคาเนียร์ส การขาด “กรองค์” ส่งผลกระทบคล้ายๆ กัน ลองเปรียบเทียบ แพทริค มาโฮมส์ กับ ทราวิส เคลซี คู่หูมหากาฬ แคนซัส ซิตี ชีฟส์ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเปิด บ็อกซ์ สกอร์ เกม “มันเดย์ ไนท์” ประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อน ซึ่ง เคลซี รับบอล 4 ทัชดาวน์ เฉพาะ 1 เกม แต่พอเห็นระยะจากการรับบอลแทบตะลึงแค่ 25 หลา ทำให้เราต้องเช็กแล้วเช็กอีกว่า ทำได้ 4 สกอร์ แต่ระยะแค่นี่เองหรือ
ประเด็นนั้นสื่อความหมายว่า เส้นทางการลำเลียงเกมบุก คุณสามารถขว้างบอลให้ใครก็ได้ แต่ถ้าถึงเพลย์สำคัญๆ เช่น เปลี่ยนดาวน์ที่ 3 หรือทำสกอร์ที่มีความหมาย มันต้องมีใครสักคนที่สามารถไว้วางใจ รออยู่ตรงนั้นเพื่อรับบอล และสร้างความแตกต่าง เหมือนกับเกมฟุตบอล ซึ่งศูนย์หน้าเก่งๆ ยิงประตูถล่มทลาย ต้องมีมิดฟิลด์เก่งๆ เล่นเข้าขารู้ใจ คอยแทงบอลให้ เช่น เควิน เดอ บรอยน์ กับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เป็นต้น
นอกจากขาดคู่หู แทมปา เบย์ จะดูมีปัญหาเพิ่มขึ้นตรง ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน ซึ่งบางคนบาดเจ็บ, ย้ายทีม หรือเลิกเล่น บวกกับ เบรดี ไม่ใช่คนหนุ่ม มีความคล่องตัว วิ่งหลบหลีกการแท็คเกิลของทีมรับได้ หากแนวป้องกันต้านทานไม่อยู่ ถึงแม้คุณจะมีแผน เพลย์-แอ็คชัน ซับซ้อนหรือแยบยลเพียงใด มันก็จบเห่ได้ ถ้าผู้เล่นไม่สามารถให้เวลาแกควอเตอร์แบ็กเพียงพอ
ความแตกต่างของ 2 ม้าแก่แห่ง NFL กับ 1 ม้าแก่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด คือ ร็อดเจอร์ส กับ เบรดี ฟอร์มตกด้วยองค์ประกอบทีมที่เปลี่ยนไป หากข้อบกพร้องได้รับการแก้ไข ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเก่งได้อยู่ (ยกเว้น เบรดี ที่อาจจะต้องเลิกเล่นจริงๆ) แต่มาเทียบ โรนัลโด้ ดูแย่ลงด้วยตัวเอง ทั้งด้านสังขาร กับ ทัศนคติ อย่างที่แฟน “ปิศาจแดง” และผู้ชมทั่วโลกได้เห็น