คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
หากนับการแข่งขัน ฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) ตั้งแต่หนแรกจนถึงหนล่าสุด กาตาร 2022 (2022 قطر) ที่กำลังจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน - 18 ธันวาคมนี้ จะมี 80 ชาติที่ได้เข้ามาเล่นใน รอบสุดท้าย จากจำนวนชาติสมาชิก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (Fédération internationale de Football Association - FIFA) ทั้งหมด 211 ชาติ แน่นอนครับ ทีมชาติไทยของเราอยู่ในจำนวน 131 ชาติที่ไม่เคยได้มีโอกาสไปโชว์ฝีเท้าบน เอ๊สตาดิอู ดู มารากานา (Estádio do Maracanã) ของ บราซิว เว็มบลีย์ สเตเดี้ยม (Wembley Stadium) ของ อังกฤษ โอลุมเปียชตาดิออน (Olympiastadion) ของ เจอรมานี สต๊าด เดอ ฟร้องส์ (Stade de France) ของ ฝรั่งเศส หรือสนามอื่นๆในระดับ เวิร์ลด คล้าส เลย
ชาติในทวีป เอเชีย ของเราที่ได้เข้าร่วม ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย บ่อยที่สุดก็คือ เกาหลีใต้ 11 หน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น 7 หน อีหร่าน และ ซาอูดี อาราเบีย ชาติละ 6 หน เกาหลีเหนือ ก็ยังได้ไป 2 หน อิ๊สราเอ็ล เมื่อตอนยังเล่นอยู่ในโซนทวีป เอเชีย ก็ได้สิทธิ์เข้า ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ในปี 1970 ที่ เมฮีโก เป็นเจ้าภาพ คูเวท อีรัก สหรัฐ อาหรับ เอมีเรทส์ จีน พวกนี้ไปมาหมดแล้วคนละหน รวมทั้ง กาตาร เจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 เป็น ทีมเอเชีย ล่าสุดที่ได้เข้าสู่ รอบสุดท้าย สดๆซิงๆ แม้แต่ อินโดเนเซีย ชาติใน อาเซี่ยน ของเราก็เคยไปเซิ้งกันมาแล้วในนาม ดั๊ตช์ อี๊สท์ อินดี้ส์ (Dutch East Indies) ในปี 1938 ที่ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ
ทีมชาติไทย เคยมีอันดับโลก (FIFA ranking) ดีที่สุด อันดับที่ 43 จากการจัดอันดับในเดือนกันยายน 1998 ยุคนั้น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย อยู่ภายใต้การบริหารงานของ วิจิตร เกตุแก้ว โดยมี วรวีร์ มะกูดี เป็นเลขาธิการ หลายคนคงจำได้ดีว่าสมาคมฯ ร่วมกับ บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล สร้างดรีมทีมขึ้นมา ส่งผลให้ทีมชาติไทยพุ่งสู่จุดสูงสุด
มาถึงวันนี้จากการจัดอันดับล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา อันดับโลก ของเราร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 111 พร้อมกับผลงานการตก รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะมีการตั้งเป้าหมายนำทีมเข้าสู่ รอบสุดท้าย มาไม่น้อยกว่า 2 ทศวรรษแล้วก็ตาม แฟนบอลก็ยังต้องเฝ้ารอความฝันที่ผู้บริหารสมาคมฯ พร่ำเพ้อให้ฟังต่อไป ยิ่งในวันนี้ ฟุตบอลของเรายังก้าวไม่ข้าม อาเซี่ยน อย่างที่อวดอ้าง ชวดแช้มพ์ ซี เกมส์ มา 2 สมัยติด แถมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่ผ่านมานั้นยังเสียฟอร์มแพ้คาบ้านให้ มาเลเซีย ซึ่งเป็นดัชนีชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เรียกว่า “ถอยหลังวันละก้าว”
การดำรงตำแหน่งนานจนฝังรากลึกสร้างเครือข่ายเพื่อตนเองและพวกพ้องคอยแทะเกาะกินสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่นี่แหละเป็นสาเหตุหลักของการกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งผู้นำเอาแค่ไม่เกิน 2 วาระๆละ 4 ปี พร้อมกับอีกเหตุผลเรื่องความล้าสมัย สมองถูกตรึงติดอยู่กับความโบราณแค่ยุคของตน ไม่พัฒนาโฉบเฉี่ยวเหมือนคนรุ่นใหม่ๆ ทฤษฎีนี้เขาใช้กับผู้นำทั่วโลก เช่น ประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา นายกรัฐมนตรีของ อังกฤษ ประธานาธิบดีของ ฝรั่งเศส เคยยาวนานถึง 7 ปีก็ลดลงเหลือ 5 ปี จะมีแหกก็พวกหัวใจเผด็จการ อย่างประยุทธเรายังดึงดันตะบี้ตะบันให้มันเกิน 8 ปีซะงั้น ทั้งๆที่ผู้คนก่นด่ากันทั้งเมืองว่า โง่ ทำบ้านเมืองถอยหลัง แกก็ยังไม่สน
นายกสมาคมฟุตบอลของเราก็เผ่าพันธุ์เดียวกัน ตั้งใจจะอยู่เกาะกินให้มันครบ 8 ปี ทั้งๆที่ บอลไทย “ถอยหลังวันละก้าว” ยิ่งวันก่อนได้ยิน จอมหลับหัวโต๊ะ บอกว่า ถ้าบอลไทยไม่ได้แช้มพ์ ซี เกมส์ นายกสมาคมฯ ต้องลาออก นี่มันไม่ใช่ข่าวดีของแฟนบอลแน่ เพราะเราต้องทนรอไปจนถึงกลางปีหน้า ก็ ซี เกมส์ ครั้งที่ 32 (Cambodia 2023) จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-16 พฤษภาคมปีหน้าโน่น พูดช่วยกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ แช้มพ์บอล ซี เกมส์ มันใช่หรือ เราต้องการไปบอลโลกต่างหาก
ผมต้องแนะนำเรื่องหนึ่งว่า ความจริงระยะเวลาการอยู่ในตำแหน่งวาระละ 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกันนั้น ไม่จำเป็นต้องประยุกต์ใช้หรอกครับ พอรู้สึกตัวเองว่าไปไม่ไหว ทำไม่ได้ อยู่ไปก็ไม่ดีขึ้น มีแต่เสื่อมถอย ผู้คนก่นด่ากันทั้งเมือง ก็น่าจะตัดสินใจทิ้งตัวไปเลย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามากุมบังเหียนแทนบ้าง ไปดูบางองค์กรสิครับ แม้ว่าจะมีการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งดังกล่าวไว้ชัดเจน แต่เขายังมีกำหนดอีกด้วยว่าเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งวาระให้มีการจับสลากเอากรรมการออกไปครึ่งหนึ่งด้วยนะครับ