แอลเอ ชาร์เจอร์ส เสียเทิร์นโอเวอร์ตรง โกล ไลน์ ช่วงควอเตอร์ 4 พ่าย แคนซัส ซิตี ชีฟส์ 24-27 ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เธิร์สเดย์ ไนท์ ที่สนาม แอร์โรว์เฮด สเตเดียม วันศุกร์ที่ 16 กันยายน ตามเวลาไทย
แพทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็ก ขว้างบอลเข้าเป้า 24 จาก 35 ครั้ง ระยะ 235 หลา 2 ทัชดาวน์ ให้ เจอริค แม็คคินนอน กับ จัสติน วัตสัน และ แม็ตต์ แอมเมนโดลา ตัวเตะสำรอง ทำหน้าที่แทน แฮร์ริสัน บัตเกอร์ อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่า เจย์เลน วัตสัน คอร์เนอร์แบ็กรุกกี้ดราฟต์รอบ 7 กลายเป็นคนแย่งซีน ด้วยเพลย์อินเทอร์เซ็ปต์วิ่งย้อนทัชดาวน์ 99 หลา เป็นสกอร์แซงนำช่วงต้นควอเตอร์ 4
นับจาก "พิค-ซิกซ์" ของ วัตสัน 2 ชุดการบุก สถานการณ์ ชาร์เจอร์ส เลวร้ายขึ้น หลัง จัสติน เฮอร์เบิร์ต ควอเตอร์แบ็ก ถูก ไมค์ แดนนา ดีเฟนซีฟ เอนด์ แท็คเกิลขณะกำลังขว้างบอล เดินกุมด้านข้างลำตัวออกจากสนาม แล้วกลับมาเล่นต่อเพลย์ถัดมา ขว้างบอลอินคอมพลีต เป็นเหตุให้ทีมต้องพันท์ (เตะกินแดน) โดยสกอร์ตามอยู่ 17-24
ไคลด์ เอ็ดเวิร์ดส-เฮแลร์ รันนิงแบ็ก ถือบอลวิ่งตะลุย 52 หลา นำไปสู่ฟิลด์โกลของ แคนซัส ซิตี ทิ้งห่าง 27-17 เหลือเวลา 3 นาที 20 วินาที
เฮอร์เบิร์ต ซึ่งจบเกมด้วยผลงานขว้าง 334 หลา 3 ทัชดาวน์ พยายามพา ชาร์เจอร์ส กลับสู่เกม ด้วยการขว้างบิ๊กเพลย์ 36 หลา ในการเล่นดาวน์ที่ 4 แล้วขว้างให้ โจชัว พาลเมอร์ รับบอลระยะ 7 หลา ตรงเขตเอนด์ โซน ลดช่องว่างเหลือ 3 แต้ม เหลือเวลา 1 นาที 11 วินาที
อย่างไรก็ตาม ทีมพิเศษ แคนซัส ซิตี ตะครุบบอล ออนไซด์ คิก แล้วคุกเข่าฆ่าเวลากระทั่งจบเกม ขยับสถิติเป็น ชนะ 2 แพ้ 0 นำจ่าฝูงดิวิชัน เอเอฟซี (AFC) ตะวันตก ส่วน ชาร์เจอร์ส สถิติ ชนะ 1 แพ้ 1 อยู่อันดับ 2 ของกลุ่มเดียวกัน
ทีมรับ ชาร์เจอร์ส ปล่อยให้ ชีฟส์ ทำระยะแค่ 13 หลา เฉพาะควอเตอร์แรก ด้วยการกดดันเกมขว้างของ โจอี โบซา กับ คาลิล แม็ค 2 ไลน์แบ็คเกอร์ และ เดอร์วิน เจมส์ จูเนียร์ เซฟตี อยู่ทุกพื้นที่ของสนาม ป้องกันทีมบุกซึ่งทำสกอร์ 44 แต้ม ที่อริโซนา สัปดาห์ที่แล้ว ไม่มีสกอร์ กระทั่ง มาโฮมส์ ขว้างบอลไซด์อาร์ม ให้ แม็คคินนอน ช่วงต้นควอเตอร์ 2
ทีมบุก ชาร์เจอร์ส เหนือกว่าชัดเจน ถึงแม้ แบรนดอน สเตลีย์ เฮดโค้ช ต้องการเล่นแบบรัดกุม พันท์บอล 2 ครั้ง ในการเล่นดาวน์ที่ 4 ต้องการ 2 หลา บริเวณกลางสนาม ดัสติน ฮ็อปกินส์ เตะฟิลด์โกล 31 หลา ขึ้นนำ 3-0 ก่อน ไมค์ วิลเลียมส์ ใช้รูปร่างที่ได้เปรียบเล่นงานชุดกองหลังไซส์เล็กของ ชีฟส์ นำไปสู่เพลย์รับทัชดาวน์ระยะสั้นๆ ของ แซนเดอร์ ฮอร์วาธ
สเตลีย์ กล้าเสี่ยงเล่นดาวน์ที่ 4 ในไดรฟ์การบุกชุดแรกของครึ่งหลัง และ 1 เพลย์ถัดมา หลังจาก ออสติน เอเกเลอร์ วิ่งเปลี่ยนเป็นดาวน์ที่ 1 สำเร็จ วิลเลียมส์ แผลงฤทธิ์รับทัชดาวน์มือเดียว ทั้งๆ ที่ถูก แอล'จาเรียส สนีด คอร์เนอร์แบ็ก ชีฟส์ ประกบติด ส่งผลให้ ชาร์เจอร์ส นำห่าง 17-7
ความหวังของ "เคซี" ทำท่าจะริบหรี่ จังหวะ มาโฮมส์ เสียอินเทอร์เซ็ปต์ ทว่าภาพรีเพลย์ระบุ อซานเต ซามูเอล จูเนียร์ คอร์เนอร์แบ็ก ยังครองบอลไม่สมบูรณ์ กรรมการจึงกลับคำตัดสินเป็นอินคอมพลีต ทำให้ มาโฮมส์ แก้ตัวด้วยการบอมบ์ยาว 41 หลาทัชดาวน์ ให้ จัสติน วัตสัน ก่อนตีเสมอ 17-17 ช่วงต้นควอเตอร์ 4 ด้วยฟิลด์โกล 19 หลา ของ แอมเมนโดลา