พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อุปนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำเเห่งประเทศไทย กล่าวถึงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการเเเข่งขันโปโลน้ำชิงเเชมป์เอเชียของไทยว่า “หลังจากได้รับการยืนยันจากสหพันธ์กีฬาว่ายน้ำแห่งเอเชีย ถึงการได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพการเเข่งขันโปโลน้ำ รายการ “Asian Water Polo Championship 2022” ทำให้ทางสมาคมฯต้องทำงานอย่างหนัก โดยมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมงาน ซึ่งเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมกับการจัดงานนี้ให้มากที่สุด สำหรับสนามเเข่งขันถูกวางไว้ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เป็นสระว่ายน้ำที่ได้มาตรฐาน ที่เคยจัดการเเข่งขันรายการสำคัญมาเเล้ว”
พล.อ.ศิริชัย กล่าวต่อว่า “ สำหรับความสำคัญของรายการนี้คือการจัดอันดับ เพื่อคัดเลือกทีมที่จะได้สิทธิ์ไปเเข่งขันโปโลน้ำชิงเเชมป์โลก ที่เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปีหน้า โดยตอนนี้มีชาติในเอเชียตอบรับเข้าร่วมเเข่งขันเเล้ว 11 ชาติ รวมเป็น 19 ทีม ซึ่งทีมโปโลน้ำหญิงของไทย ปัจจุบันอยู่อันดับ 4 ของเอเชีย ต้องเบียดเเย่งโควต้ากับจีน ญี่ปุ่น เเละคาซัคสถาน ติด 1 ใน3 ให้ได้”
ด้านนาวาเอกคชพล งามชาลี เลขานุการฝ่ายจัดการเเข่งขัน กล่าวว่า “การเเข่งขันครั้งนี้อยู่ในระดับเดียวกับเอเชี่ยนเกมส์เลยก็ว่าได้ มี 11 ชาติของเอเชียเข้าร่วม ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น คาซัคสถาน อุซเบกิสถานเกาหลีใต้ อิหร่าน คูเวต ฮ่องกง อินเดีย สิงคโปร์และไทย ซึ่งในประเภทชายทุกทีมเข้าร่วมครบทุกชาติ ขณะที่ทีมหญิง ขาดเพียงอิหร่าน คูเวต เเละอินเดียเท่านั้น โดยจะเเข่งขันในวันที่ 7-14 พ.ย.65 สำหรับโอกาสในการเข้าไปเเข่งขันรายการชิงเเชมป์โลกของไทย ทีมโปโลน้ำหญิงของเราคงต้องเบียดเเย่งกับคาซัคสถาน ทีมอันดับ 3 ของเอเชีย ส่วนทีมชายคงเป็นสิงคโปร์ ที่ต้องเจอกันในกีฬาซีเกมส์ปีหน้าถือเป็นด่านทดสอบสำคัญ”
ขณะที่ พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำ กล่าวว่า นอกจากการเเข่งขันโปโลน้ำ ที่จะจัดขึ้นในไทยเเล้ว ทางสมาคมฯได้มีการขอสนับสนุนจากสหพันธ์กีฬาทางน้ำระหว่างประเทศ หรือฟีน่า เพื่อจัดอบรมผู้ตัดสินกีฬาโปโลน้ำอีกด้วย ในวันที่ 3-5 พ.ย.65 ซึ่งมีผู้เข้าอบรมทั้งคนไทยเเละต่างชาติ จำนวน 30 คน ถือเป็นโครงการดีๆ ที่ฟีน่าจัดให้ โดยปัจจุบันมีผู้ตัดสินของไทย ขึ้นทะเบียนกับฟีน่าเเล้ว 5 คน
“ทั้งนี้ในส่วนของงบจัดเเข่งขันโปโลน้ำรายการ “Asian Water Polo Championship 2022” ทางสมาคมฯ ได้ขอการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนาการกีฬาเเห่งชาติ เเละกกท.เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าต้องใช้งบประมาณถึง 9 ล้านบาท ซึ่งส่วนที่นอกเหนือจากนี้ทางสมาคมฯจะหาผู้สนับสนุนมาเพิ่มเติม”
