วัน แชมเปียนชิพ (ONE) อาจเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะองค์กรกีฬาศิลปะการต่อสู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก แต่สำหรับ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้ง ประธานและซีอีโอ ตั้งใจให้องค์กรนี้บอกเล่าเรื่องราวของเหล่าฮีโร่บนสังเวียนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกมากกว่าการแสวงหากำไรทางธุรกิจ
นายชาตรี ศิษย์ยอดธง ลูกศิษย์ของบรมครูมวยไทย "ยอดธง เสนานันท์" มีโอกาสได้เรียนรู้ "ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด" ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งหล่อหลอมให้เขาเป็นคนมีระเบียบวินัย มีจิตใจกล้าหาญ เป็นนักสู้ และรู้จักการมีน้ำใจ ฯลฯ และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ส่งเขาประสบความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจระดับหมื่นล้านในทุกวันนี้
จากการที่ นายชาตรี คลุกคลีกับมวยไทย มีเพื่อนเป็นนักมวยไทย ซึ่งส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ยากจน บางคนเป็นถึงนักมวยระดับแชมป์แต่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบากปากกัดตีนถีบ ทำให้เขาเกิดคำถามในใจว่าเหตุใด เราจึงทอดทิ้งเหล่าฮีโร่ผู้สืบสานศิลปะการต่อสู้ประจำชาติและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศแบบนั้น
ในวัย 19 ปี เขาจึงเขียนฝันของตัวเองในการปั้นธุรกิจที่สามารถช่วยเหลือ “วีรบุรุษนักสู้” ให้หลุดพ้นจากความยากจนหลังเลิกอาชีพ พร้อมทั้งสร้างองค์กรกีฬาเพื่อเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ฝั่งเอเชีย รวมถึงมวยไทยให้ดังระบือไกลในระดับโลก นี่จึงเป็นที่มาของการก่อตั้ง Evolve MMA (อีโวล์ฟ เอ็มเอ็มเอ) และ ONE (วัน แชมเปียนชิพ) อย่างทุกวันนี้
"ผมรู้ดีว่าการเป็นนักมวยลำบากขนาดไหน ต้องซ้อมแทบตาย 6 วันต่อสัปดาห์ ผมอยากให้โอกาสพวกเขา ให้เขามีรายได้ที่ดีเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ และสร้างอนาคตที่มั่นคงปลอดภัยให้กับลูก ๆ ผมรู้สึกอิ่มใจที่ได้ช่วยเหลือคน ในขณะที่บริษัทก็ประสบความสำเร็จด้วย ผมไม่ต้องเอาเปรียบใคร ถ้าผมช่วยพนักงาน พนักงานก็ช่วยบริษัท เราก็สามารถพัฒนาไปด้วยกันได้ครับ" นายชาตรีกล่าว
สำหรับ Evolve MMA (อีโวล์ฟ เอ็มเอ็มเอ) ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวอันดับหนึ่งของเอเชีย และใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้วีรบุรุษนักสู้ระดับแชมป์โลกได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว โดยครูมวยระดับแชมป์โลกจะได้รับค่าตอบแทนราว 150,000-400,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าสูงสุดในบรรดายิมสอนการต่อสู้ทั่วโลก
ขณะที่รายการ ONE คือเวทีที่เปิดโอกาสยอดฝีมือในหลากหลายประเภทกีฬาจากทั่วโลกได้แสดงศักยภาพและพรสวรรค์อย่างเต็มที่ โดยได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 5 สื่อกีฬาชั้นนำระดับโลกที่มียอดผู้ชมและการมีส่วนร่วมสูงสุดทั่วโลกในปัจจุบันอีกด้วย
จากแนวคิดธุรกิจของเด็กหนุ่มวัย 19 ปี ที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้ จนถึงวันนี้ ONE กลายเป็นหนึ่งในองค์กรกีฬาระดับโลกที่นักสู้ทั้งไทยและเทศใฝ่ฝันอยากจะเข้าสังกัดมากที่สุด โดยเราได้เห็นตัวอย่างของนักกีฬาทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย
ในฐานะ "บิ๊กบอส" ของพนักงาน และ "ลูกพี่" ของเหล่าวีรบุรุษนักสู้ นายชาตรี ยังคงเดินหน้าพาความฝันไปสู่ความสำเร็จอีกขั้น ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับมวยไทย รากเหง้าของวัฒนธรรมประจำชาติสู่มาตรฐานสากล รวมทั้งส่งเสริมคุณค่าของ “วีรบุรุษมวยไทย” ให้เป็นที่จดจำ
โดยปัจจุบัน "ชาตรี ศิษย์ยอดธง" ตกลงรับตำแหน่งโปรโมเตอร์ป้ายแดงของสนามมวยเวทีลุมพินี โดยกำลังจะมีงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 12 ก.ย.นี้ แฟน ๆ อดใจรอชมปรากฏการณ์ใหม่ของวงการมวยไทยได้เลย