ภายหลัง "บัวขาว บัญชาเมฆ" ยอดมวยไทย วัย 40 ปี สร้างปรากฏการณ์ฮือฮา ด้วยการเผยภาพบนไลฟ์บิลบอร์ดกลางไทม์สแควร์ ศูนย์กลางธุรกิจโลกในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พร้อมการประกาศหวนคืนเวทีมวยราชดำเนินครั้งแรกในรอบ 18 ปี ประเดิมตะลุยกำปั้นสามไฟต์กับศึก RWS
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า บัวขาว ได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการพัฒนากีฬามวยเวทีราชดำเนิน มั่นใจนำประสบการณ์จากการชกในต่างประเทศกว่า 100 รายการ มาพัฒนาวงการมวยไทยและเวทีมวยราชดำเนินให้ผงาดสู้เวทีระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดมวยคนดัง เผยถึงการตัดสินใจรับคำชวนของเวทีมวยราชดำเนินและบริษัท GSV Global Sport Ventures Co., Ltd. ครั้งนี้ เพราะตรงกับปณิธานในใจ ที่อยากมีส่วนร่วมพัฒนาวงการมวยไทยให้ทัดเทียมต่างชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การมีส่วนร่วมผลักดัน ปลุกปั้น ให้ประเทศไทยและเวทีมวยราชดำเนินเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ของกีฬาการต่อสู้ ตอกย้ำให้คนทั่วโลกได้รู้ว่า หากต้องการเรียนวิชาการต่อสู้ ต้องมาประเทศไทย มาเรียนมวยไทย ภาพลักษณ์ของเวทีมวยราชดำเนินมีความยิ่งใหญ่ในระดับโลกและมวยไทยเป็น Soft Power ที่แท้จริงในการเผยแพร่ความเป็นไทยและร่วมสร้างเศรษฐกิจไทย จากประสบการณ์การเดินทางไปชกในต่างประเทศ
โดย บัวขาว ย้ำว่า ภาพลักษณ์ของเวทีมวยราชดำเนินมีความยิ่งใหญ่ในระดับโลก และมวยไทย เป็น Soft Power ที่แท้จริงในการเผยแพร่ความเป็นไทย และร่วมสร้างเศรษฐกิจไทย จากประสบการณ์การเดินทางไปชกในต่างประเทศ โดยเฉพาะการเป็นแชมป์ K-1 World MAX champion หลายสมัย ทำให้เห็นว่ามวยไทยได้รับความนิยมมากขึ้น โดยในสายตาชาวต่างชาติมองว่ามวยไทยสามารถเอาชนะบนเวที K-1 ได้ ทำให้เริ่มเกิดกระแสความต้องการเดินทางมาประเทศไทย เพื่อชมมวยไทย เรียนมวยไทย เมื่อต่างชาติมาเมืองไทย เดินสตรีทฟู้ด ทานอาหารไทย เรียนรู้ภาษาไทย สักยันต์ลายแบบไทย จะเห็นชาวต่างชาติใส่ชุดมีธงชาติไทย ใส่กางเกงมวยไทย เห็นความเป็นไทยในตัวชาวต่างชาติ ทั้งหมดนี้สะท้อนได้ว่า มวยไทยเชื่อมโลกได้ และมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย
ที่สำคัญ เวทีมวยราชดำเนินซึ่งเป็นเวทีมวยไทยแห่งแรกของโลกก็เสมือนเป็นบ้าน เป็นจุดเริ่มต้นของกีฬามวยไทยที่แพร่หลายในทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นการที่ได้มาเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนากีฬามวยคนใหม่ของเวทีมวยราชดำเนินจึงถือเป็นก้าวสำคัญในความตั้งใจของตนที่ต้องการจะผลักดันวงการมวยไทยให้ไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริงโดยจะทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ในการทำงานร่วมกับคณะกรรมการพัฒนากีฬามวยราชดำเนินซึ่งประกอบด้วย ว่าที่ร้อยโท ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม เลขาธิการคณะกรรมการ และคณะกรรมการอีก 3 ท่านคือ นายจิต เชี่ยวสกุล นายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ และนายศรัณย์ ลดาวรรษ์
นอกจากการรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการฯ แล้ว บัวขาวยังมีอีเว้นต์ใหญ่ในการคืนถิ่นเวทีมวยไทยครั้งนี้ด้วยการขึ้นชกประเดิมในรายการ ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ (Rajadamnern World Series: RWS) ซึ่งเป็นรายการมวยไทยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่เปิดโอกาสให้สุดยอดนักกีฬามวยไทยจากทั่วโลกมาต่อสู้กันบนสังเวียน กับรูปแบบการแข่งขัน และกติกาที่จะยกระดับวงการมวยไทย โดยบัวขาวจะขึ้นชกในศึกพิเศษในรายการนี้ด้วยการแข่งขันทั้งหมด 3 ครั้ง
ด้านเทรนเนอร์คู่ใจบัวขาว ว่าที่ร้อยโท ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้ดูแลการฝึกซ้อมของบัวขาวมากกว่า 15 ปี ยืนยันว่า "บัวขาวมีความมั่นใจเต็มร้อย และสิ่งที่แฟนมวยจะได้เห็นในการกลับมาขึ้นเวทีมวยราชดำเนินอีกครั้ง คือสไตล์การชกที่เปลี่ยนไป จากที่เดินหน้าลุย ใช้แรง"
"เปลี่ยนเป็นผสมผสานความดุดัน เข้ากับการใช้จังหวะ ฝีมือ ใช้ความคิดมากขึ้น ไม่เอาตัวเข้าแลก มาเป็นการเน้นใช้ประสบการณ์และความเก๋าเกมเข้าสู้ ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่บัวขาวมีเหนือกว่าคู่ต่อสู้ และแฟนมวยทั่วโลกจะได้เห็นศาสตร์ของมวยไทยระดับสูงทั้งบู๊และบุ๋น อย่างแน่นอน"
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจากแฟนเพจ บัญชาเมฆยิม