หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดสรรโควต้าเข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/24 โดยแบ่งเป็นสิทธิจากฤดูกาล 2021/22 และ 2022/23 แบบ 1+1 ตามมติโหวต 10 จาก 16 สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันรีโว่ ไทยลีก 2022/23 ทำให้ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ได้สิทธิจากฤดูกาล 2021/22 ถูกตัดสิทธิไปนั้น
ซึ่งทั้งสองสโมสรได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือเพื่อขออุทธรณ์คำตัดสินของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รวมถึงยื่นหนังสือต่อ “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะนายทะเบียนของพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่จนผ่านมา 10 วันแล้วยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากทั้งสองฝ่ายนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม นายสุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีม “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก เปิดเผยว่า แนวทางที่สโมสรได้คุยกับฝ่ายกฎหมายเอาไว้ในตอนนี้คือการเดินหน้าฟ้องร้องไปยังศาลกีฬาโลก (CAS) แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ อย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่าทั้งสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และทางกกท. ไม่ได้มีการตอบกลับอะไรมาแต่อย่างใด ถ้าหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยมันจะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ ซึ่งการยื่นฟ้องต่อศาลกีฬาโลกนั้นเป็นส่วนที่สมาคมฯ ไม่สามารถห้ามได้อยู่แล้ว
“เราประเมินสถานการณ์แล้วถ้าหากปล่อยให้เวลาล่วงเลย จนการแข่งขันในฤดูกาลใหม่เปิดขึ้น ผ่านไปสักครึ่งฤดูกาลเริ่มเห็นทีมที่มีโอกาสจะคว้าโควต้าได้ มันก็มีโอกาสที่ถ้าหากศาลตัดสินให้กลับไปยึดโควต้า 2+2 ทีมดังกล่าวจะเสียสิทธิ ฉะนั้นก็จะเกิดการฟ้องร้องวนกันไปเป็นลูกโซ่ไม่หยุด ดังนั้นไม่อยากให้เวลาล่วงเลยไปมาก ต้องรีบจัดการก่อนที่ฤดูกาลจะเปิด หรืออย่างน้อยเปิดไปแล้วไม่กี่นัด ยังไม่มีทีมที่มีลุ้นได้โควต้าเพิ่ม ก็ยังพอจะแก้ไขปัญหานี้ได้” นายสุรเดช กล่าว
ผู้จัดการทีมแข้งเทพ กล่าวต่อว่า สุดท้ายถ้าผลการตัดสินของศาลกีฬาโลกออกมาว่าอย่างไร ทีมก็พร้อมยอมรับทั้งหมด เพราะไม่มีอะไรสูงกว่านั้นแล้ว ฤดูกาลใหม่ที่จะเปิดขึ้น ไม่ว่าจะมีโควต้าหรือไม่ก็ตาม ทุกทีมพร้อมจะเต็มที่กับฤดูกาลใหม่ บียูเสริมทีมให้พร้อมที่สุด เพื่อเข้าใกล้ 2 ทีมนำอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ไม่สามารถเข้ามาร่วมตัดสินหรือเรียกคู่กรณีทั้งสองฝั่งเข้ามาพูดคุยได้นั้น คาดว่าจะเป็นเรื่องของการที่กกท.นั้นเป็นหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งถ้าลงมามีบทบาทในเรื่องนี้อาจจะเข้าค่ายผิดกฎของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่หน่วยงานภาครัฐลงมาแทรกแซงการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทำให้ฟุตบอลไทยเสี่ยงที่จะถูกแบนได้