พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อุปนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำเเห่งประเทศไทย กล่าวถึงความสำเร็จของนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย ในมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ว่า “รู้สึกภาคภูมิใจกับนักกีฬาทั้ง 21 คน ที่ฟันฝ่าอุปสรรค ตั้งใจมุมานะฝึกซ้อมอย่างหนัก ตลอดระยะเวลาในการเก็บตัว ส่งผลให้คว้ามาได้ถึง 4 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน เเละอีก 9 เหรียญทองแดง นับเป็นผลงานทีมยอดเยี่ยมจริงๆ มีเพียงนักกีฬา 6 คนเท่านั้น ที่ไม่สามารถคว้าเหรียญมาคล้องคอได้ เเต่สถิติเวลาส่วนตัวถือว่าดีขึ้นมาก เห็นได้ถึงพัฒนาการของเเต่ล่ะคน”
“ส่วน 4 เหรียญทอง ที่ได้จากสิบโทหญิง เจนจิรา ศรีสอาด ที่ทำคนเดียว 2 เหรียญทอง จากท่าผีเสื้อเเละฟรีสไตล์ 50 เมตร ต้องยอมรับว่าการได้ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่เนเธอเเลนด์ ทำให้เจ้าตัวมีความมั่นใจ จนพัฒนาขีดความสามารถไปได้ไกลกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ขณะที่เพียงขวัญ ปะวะโพตะโก การกลับมาคว้าเหรียญทองอีกครั้งในซีเกมส์ครั้งนี้ ในท่ากบ 200 เมตร ที่เคยเป็นเเชมป์ในซีเกมส์ 2017 ถือว่าจิตใจเเข็งเเกร่งที่ต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ รวมถึงดาวรุ่งอย่างกมนชนก ขวัญเมือง ที่คว้าเหรียญทองมาได้เเบบเซอร์ไพรส์จากผลัดผสม 400 เมตร นับเป็นนักกีฬาที่ว่ายน้ำในระยะกลางเเละไกลได้ดี คาดว่าจะเป็นกำลังสำคัญในทีมว่ายน้ำไทยในอนาคต”
พล.อ.ศิริชัย กล่าวต่อว่า “ นอกจากนี้ยังนักว่ายน้ำของไทย ยังสามารถทำลายสถิติประเทศไทยได้ถึง 10 รายการ ผ่านเกณฑ์ B ของฟีน่าได้ไปเเข่งชิงเเชมป์โลก เพิ่มอีก 4 คน ซึ่งทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ ได้กล่าวชื่นชมผลงานของนักกีฬาเเละผู้ฝึกสอนทุกคน โดยท่านได้เดินทางไปให้กำลังใจถึงขอบสระ พร้อมจะช่วยผลักดันนักกีฬาหลังสร้างผลงานยอดเยี่ยมในรอบ 9 ปี สำหรับรายการต่อไปคือการเเข่งขัน “ฟีน่าเวิลด์เเชมเปี้ยนชิพ 2022” ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในเดือนมิถุนายน ขณะที่เยาวชนจะลงเเข่งในรายการ “ฟีน่าเวิลด์จูเนียร์” ที่ประเทศเปรู ในช่วงเดือนสิงหาคม หวังว่าจะเป็นการต่อยอดความสำเร็จให้กับทุกคน เป้าหมายคือโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส”
ด้าน พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ กล่าวว่า “ซีเกมส์ครั้งนี้นักกีฬาของเราถือว่ามีความพร้อม เเละได้ฝึกซ้อมตามเเผนที่สมาคมวางไว้ได้อย่างครบถ้วน ประกอบกับนักกีฬาทุกคนนั้นมีความกระหาย โดยเฉพาะนักกีฬาตัวความหวังเเละดาวรุ่ง ทำให้ผลงานนั้นออกมาดีเเบบเหลือเชื่อ จนหลายชาติได้กล่าวชมว่านักกีฬาว่ายน้ำของไทยมีโอกาสขึ้นมาเทียบเคียงสิงคโปร์ได้ ภายใน 3 ปี หลังจากนี้ ซึ่งสิงคโปร์นั้นครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน”
