“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ย้ำแค้นจุดโทษ เชลซี 6-5 หลัง 120 นาทีเสมอ 0-0 ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ โดยถือเป็นแชมป์ที่ 2 ของปีนี้ และยังอยู่บนเส้นทางลุ้นคว้า 4 แชมป์ต่อไป
ลิเวอร์พูล ยังอยู่บนเส้นทางสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ ลงสนามล่าแชมป์ที่ 2 พบกับ เชลซี โดยถือเป็นรีแมตช์นัดชิง คาราบาว คัพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ “หงส์แดง” ชนะจุดโทษ 11-10 หลังจาก 120 นาที เสมอกัน 0-0
ครึ่งแรกมีโอกาสลุ้นประตูกันคนละครั้งจาก หลุยส์ ดิอาซ กับ มาร์กอส อลอนโซ่ แต่ไม่ผ่านมือผู้รักษาประตูทั้งสองฝั่่ง ขณะที่นาทีที่ 33 ลิเวอร์พูล ต้องเสีย โม ซาลาห์ เจ็บเล่นต่อไม่ไหว เป็น ดิโอโก้ โชต้า ลงมาแทน ก่อนที่จะครบ 45 นาทีแรก เสมอกัน 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง เชลซี ชิงโจมตีก่อนเป็นชุดและน่าจะได้จากฟรีคิกกราบขวา อลอนโซ่ เข้าเหลี่ยมเลยลองปั่นแม้มุมจะน้อยแต่โค้งมุดเสาไกลชนคานอย่างน่าเสียดาย ช่วงเวลาที่เหลือโอกาสลุ้นประตูของทั้งสองทีมน้อยมากก่อนจบเกมเสมอ 0-0 ต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทียังเสมอ 0-0 ต้องยิงจุดโทษตัดสิน
ผลปรากฏว่า เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า ของ เชลซี พลาดก่อน ทำให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสเช็กบิลจากการยิงคนที่ 5 ทว่า ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปติดเซฟของ เอดูอาร์ด เมนดี ทำให้เสมอกัน 4-4 ต้องดวลกันต่อแบบซัดเดนเดธ
จากนั้นคนที่ 6 ของทั้งสองทีม ต่างยิงไม่พลาด มาถึงคนที่ 7 เมสัน เมาท์ ยิงไปโดน อลิซอน เบกเกอร์ ปัดไว้ได้ ขณะที่ คอสตาส ซิมิกาส ไม่พลาด ยิงเข้าไป ทำให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะจุดโทษ เชลซี 6-5 คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 8 ไปครองและเป็นสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2006