คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ก็เป็นนิตยสาร ฟร้องส์ ฟุตบอล (France Football) ของ ฝรั่งเศส อีกนั่นแหละที่ก่อตั้งรางวัล “ซูลิเอ ดอร เออโรเปแอ็ง” (Soulier d'or européen) รองเท้าทองของยุโรป ซึ่งเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า ยูโรเปี้ยน โกลเดิ้น ชูว หรือ ยูโรเปี้ยน โกลเดิ้น บู๊ท (European Golden Shoe / European Golden Boot) เพื่อมอบให้ดาวซัลโวสูงสุดจากลีกในทวีปยุโรป ตั้งแต่ปี 1968 ซึ่งต่อมาการพิจารณารางวัลนี้มาอยู่ในมือของกลุ่มสื่อกีฬาด้านฟุตบอลจากชาติต่างๆในทวีปยุโรป รวม 14 ฉบับ เรียกว่า (European Sports Media - ESM) และมีการกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มขึ้นอีก ใช่ว่าแค่ยิงประตูมากกว่าใครแล้วจะซิวรางวัลไปง่ายๆ
ในช่วงปี 1992-96 แม้ได้ดาวซัลโวสูงสุด แต่เขาว่าการนับการทำประตูค่อนข้างมั่ว ไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริง ช่วง 5 ฤดูกาลดังกล่าวยังถูกมองว่าดาวซัลโวเหล่านั้นอยู่ในลีกปลายแถว ไม่น่าเชื่อถือ จึงพิจารณาไม่มีการมอบรางวัล ซึ่งต่อมาในปี 1997 เมื่อ ESM เข้ามาดูแลการมอบรางวัลนี้ก็มีการกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มขึ้น หลักๆก็คือ ต้องให้น้ำหนักกับลีกแถวหน้าของยุโรป ซึ่งมักจะประกอบด้วยนักเตะคุณภาพ ทำให้การทำประตูย่อมมีความยากลำบากกว่าลีกปลายแถวมาก
เอาเป็นว่า ถ้าเป็นลีก 5 อันดับแรกตามค่าสัมประสิทธิ์ของ ยูเอ๊ฟฟ่า (UEFA) ก็ต้องมีคุณค่ามากกว่า ทุกประตูที่ทำได้ให้คูณด้วย 2 เพื่อให้ได้เป็นคะแนนของดาวซัลโว ในกรณีนี้คือ อังกฤษ สเปน อิตาลี เจอรมานี และ ฝรั่งเศส ในขณะที่ลีกอันดับที่ 6 - 22 ให้ตัวคูณเป็น 1.5 ส่วนลีกที่เหลือใช้ตัวคูณแค่ 1 เท่านั้น แล้วดาวซัลโวคนไหนมีคะแนนสูงที่สุดจึงจะได้รับรางวัล อีกประการที่สำคัญ นักเตะคนใดย้ายสโมสรกลางคัน ซึ่งมีระดับต่างกัน ตัวคูณต่างกัน เขาจะพิจารณาคะแนนที่ได้รับจากสโมสรแรกเท่านั้น
คีเลียน อึมบั๊ปเป (Kylian Mbappé) จาก ปารี แซ็ง-แฌรแม็ง (Paris Saint-Germain) ใน ลีก เอิง (Ligue 1) ของ ฝรั่งเศส ครองดาวซัลโวมา 3 ฤดูกาลซ้อนแล้ว ถึงตอนนี้ยิงได้แค่ 17 ประตู ยังรั้งอันดับ 2 เป็นรอง วิสซัม เบ็น เย็ดแดร (Wissam Ben Yedder) เพื่อร่วมทีมชาติฝรั่งเศส จาก โมนาโก (Monaco) ผมว่าแม้ คีเลียน อาจจะแซงมาคว้าดาวซัลโวได้ แต่ปีนี้จำนวนสกอร์ที่ทำได้ยังไกลจาก รางวัลรองเท้าทอง หนักเลย ไม่ทันหรอกครับ
โมฮะเหม็ด ซาละฮ์ (Mohamed Salah) จาก ลิเว่อร์พูล (Liverpool) เคยเป็นดาวซัลโวมา 2 สมัยใน เพรอมิเอ ลีก (Premier League) ของ อังกฤษ ตอนนี้ซัดไป 20 ประตูนำโด่งทิ้งอันดับ 2 ถึง 6 ประตู มีโอกาสสูงกับตำแหน่งดาวซัลโวอีกหน แต่แค่นี้ไม่น่าจะมีหวังสำหรับรางวัล รองเท้าทองของยุโรป ปีนี้ครับ
ชีโร อิมโมบีเล (Ciro Immobile) จาก ลาซิโอ (Lazio) ใน เซริเอ อา (Serie A) ของ อิตาลี เคยได้ รองเท้าทองของยุโรป แล้วในปี 2020 ตอนนี้นำดาวซัลโวก็จริง แต่ก็ยังมี ดูซัน วลาโฆวิช (Dušan Vlahović) ที่ย้ายจาก ฟีออเร็นตีนา มาเล่นให้ ยูเว็นตุ๊ส ยิงได้ 21 ประตูเท่ากัน นี่ก็ยังไกลมาก ปีนี้ไม่ได้หรอกครับ
การิม เบ็นเซมา (Karim Benzema) จาก เรอัล มาดริด (Real Madrid) น่าจะนำทีมคว้าแช้มพ์ ลา ลีกา (La Liga) ของ สเปน ค่อนข้างชัดเพราะมี 12 แต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 พร้อมกับซิวตำแหน่งดาวซัลโวของลีกได้ด้วยหลังจากเคยได้ตำแหน่งนี้ตอนเล่นให้ ลิอง (Lyon) ใน ลีก เอิง โดยฤดูกาลนี้เขากดไปแล้ว 24 ประตู นำโด่งเป็น 10 ประตูเลย แต่ถ้าคาดหวังรางวัล รองเท้าทองของยุโรป ก็คงต้องซัดให้ได้มากกว่า 10 ประตูในอีก 8 เกมที่เหลือเพื่อโอกาสลุ้น
เจ้าของรางวัล รองเท้าทองของยุโรป คนล่าสุดคือ ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ วัย 33 ปี โรเบิร์ต เลวันด๊อฟสกี้ (Robert Lewandowski) ที่มาค้าแข้งใน บุนเด๊สลีกา (Bundesliga) ของ เจอรมานี เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) มาก่อนในฤดูกาล 2013-14 แล้วย้ายมาเล่นให้ บาแยร์น มึนเชิ่น (Bayern München) ก็ยังคว้าตำแหน่งนี้มาอีก 5 ฤดูกาล รวมเป็น 6 สมัย ซึ่งล่าสุดในฤดูกาลนี้ยิงไปแล้ว 31 ประตู ทิ้งอันดับ 2 ถึง 11 ประตู และเหลือเกมในลีกอีกเพียง 6 เกม ตำแหน่งดาวซัลโวของ บุนเด๊สลีกา ไม่น่าจะผิดจากนี้ รวมทั้ง รางวัลรองเท้าทองของยุโรป เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันก็น่าจะคนนี้ ส่วนดาวซัลโวในลีกอื่นๆจะสู้ไม่ได้ก็ตรงตัวคูณนี่แหละครับ