โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร เชลซี แห่งศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ถูกเปิดโปงถือหุ้นบริษัทเหล็กกล้า ซึ่งเป็นชิ้นส่วนประกอบรถถัง สำหรับรุกราน ประเทศยูเครน
นักวิเคราะห์ รายงานว่า มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย โอนส่วนแบ่งของตนใน "เอฟราซ (Evraz)" จากบริษัทนอกอาณาเขตมาเป็นของตัวเอง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ หรือ 8 วันก่อนหน้า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดี สั่งโจมตี ยูเครน
เกอร์เซกอร์ซ คุชซินสกี ผู้อำนวยการภาควิชา ยูเรเซีย (Eurasia)สถาบันวอร์ซอ ให้สัมภาษณ์ "เดลี เมล" หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ รายงานการโอนหุ้น 28.64 เปอร์เซ็นต์ จากบริษัท กรีนลีส อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิง จำกัด จดทะเบียนที่หมู่เกาะ บริติช เวอร์จิน อาจบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากการคว่ำบาตร และผู้ถือหุ้นสามารถขายได้ง่ายขึ้น หลังมูลค่าตกนับตั้งแต่เกิดเหตุ
คุชซินสกี กล่าว "มีความเสี่ยงที่บริษัทนอกอาณาเขตจะถูกคว่ำบาตร ผลิตภัณฑ์ของ Evraz เคยถูกนำมาใช้ประกอบรถถัง และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาวุธของ รัสเซีย ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีความสำคัญต่อแผนการทำสงครามของ รัสเซีย"
วอร์ซอ สถาบันวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แถบยุโรปตะวันออก ไม่แน่ใจว่า อบราโมวิช ยังถือหุ้น "รอสเนฟท์ (Rosneft)" บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ๋ของ รัสเซีย หรือไม่ หลังลงทุนเกือบ 225 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9.8 พันล้านบาท) เมื่อปี 2006
"รอสเนฟท์" เป็นบริษัทรายใหญ่แห่งหนึ่งของ รัสเซีย ผลิตน้ำมันดิบ และเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของกองทัพ แต่เว็บไซต์ขององค์กรปิดกั้นการเข้าถึงจาก สหราชอาณาจักร เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 มี.ค.)
เข้าใจว่า อบราโมวิช ใช้เชื้อสายยิว เพื่อเจรจาสันติภาพระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน
"เสี่ยหมี" มีผลประโยชน์ทางธุรกิจสูง ที่ประเทศยูเครน โดย "Evraz" ตั้งโรงงานที่ดอนบาส เมื่อปี 2010 จึงไม่สามารถปล่อยให้สงคราม และมาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ รัสเซีย ยืดเยื้อ
อบราโมวิช วัย 55 ปี ประกาศสละอำนาจบริหาร "สิงโตน้ำเงินคราม" โดยแต่งตั้งองค์กรการกุศลของสโมสร ทำหน้าที่ผู้ดูแลผลประโยชน์
"เดอะ บลูส์" ตระหนักถึงปัญหาที่รออยู่เบื้องหน้า ด้านความน่าเชื่อถือของนอมินี และเชื่อว่ากำลังหาทางเลือกอื่นๆ รวมถึงจัดตั้งบริษัทนายหน้าเข้ามาบริหารจัดการต่อไป