xs
xsm
sm
md
lg

ตำนาน “Underdog” ภาค 2 / MVP

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ สร้างตำนาน “Underdog” ในศึกซูเปอร์โบว์ล เมื่อปี 2018 เอาชนะ นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ 41-33 ที่สนาม ยู.เอส.แบงค์ สเตเดียม เมืองมินเนียโปลิส คว้าแชมป์ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) สมัยแรกของแฟรนไชส์ ด้วยการใช้งาน นิค โฟลส์ ควอเตอร์แบ็กสำรอง มาถึงการแข่งขัน ซึ่งกำลังจะเริ่มขึ้นช่วงเช้าตรู่วันวาเลนไทน์ ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า อยากเห็น ซินซินเนติ เบงกอลส์ เป็นแชมป์มากกว่า

ซูเปอร์โบว์ล ครั้งแรกของผม ตอนติดตาม อเมริกันฟุตบอล อย่างจริงจัง เซ็นต์ หลุยส์ แรมส์ หรือ แอลเอ แรมส์ ปัจจุบัน ได้รับการขนานนามว่า “The greatest show on turf”ด้วยทีมบุกอันดุดัน เหมือนคุณนั่งดู แมนเชสเตอร์ ซิตี หรือ ลิเวอร์พูล ยุคนี้ ภายใต้การนำของ เคิร์ต วอร์เนอร์ ควอเตอร์แบ็ก, มาร์แชลล์ ฟอล์ก รันนิงแบ็กระดับผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP), และ ไอแซ็ค บรูซ ปีกนอก แต่พวกเขาเป็นแชมป์ด้วยทีมรับ หยุด เควิน ดายสัน ปีก เทนเนสซี ไตตันส์ จนบอลตายบริเวณเส้น 1 หลา แตกต่างจาก เบงกอลส์ ในความทรงจำ

หลายๆ ท่านคงเคยชินว่า เบงกอลส์ เป็น “หมูลายพาดกลอน” มากกว่าเสือ นับสถิติตั้งแต่ฤดูกาล 2016-2020 พวกเขาชนะแค่ 23 แพ้ 53 เสมอ 2 รวมสถิติ ชนะ 2 แพ้ 14 ฤดูกาล 2019 ซึ่งส่งผลให้ได้สิทธิ์ดราฟต์อันดับ 1 คัดเลือก โจ เบอร์โรว์ ควอเตอร์แบ็กจาก มหาวิทยาลัย หลุยเซียนา สเตท เมื่อปี 2020 กระทั่งเดือนมกราคมที่ผ่านมา “ซินซี” ยุติการรอคอยชัยชนะเกมเพลย์ออฟอันยาวนาน 31 ปี และเพิ่งชนะเพลย์ออฟนอกบ้านครั้งแรก เกมเขี่ย เทนเนสซี ไตตันส์ ทีมวางอันดับ 1 สายเอเอฟซี (AFC) ตกรอบดิวิชันแนล ก่อนดับฝัน แคนซัส ซิตี ชีฟส์ เข้าสู่ ซูเปอร์โบว์ล 3 สมัยติดต่อกัน

สรุปแล้ว “ซินซี” เพียงพอจะเป็นแชมป์ได้หรือเปล่า? ประเด็นแรกต้องพิจารณา เบอร์โรว์ จอมทัพประสบการณ์ 2 ปี ด้อยกว่า แพทริค มาโฮมส์ ของ แคนซัส ซิตี ทั้งระยะเฉลี่ยแตกต่างกันประมาณ 70 หลา (280.7-352.2) ขว้างทัชดาวน์น้อยกว่าเกือบ 3 เท่า (4-11) เสียอินเทอร์เซ็ปต์มากกว่า จอช อัลเลน ควอเตอร์แบ็ก บัฟฟาโล บิลล์ส (2-0) และโดนเล่นงาน 12 แซ็กมากกว่าควอเตอร์แบ็กคนอื่นๆ เฉพาะเพลย์ออฟ ถึงกระนั้นเขายังสามารถหาหนทางสู่ชัยชนะ และสร้างเพลย์สำคัญๆ เมื่อทีมต้องการ

ยกตัวอย่างรอบชิงแชมป์สาย AFC เบอร์โรว์ จุดประกายความหวังแกทีม ซึ่งตามหลัง ชีฟส์ 3-21 ด้วยเพลย์ขว้าง 41 หลา ให้ ซามาเจ เพอรีน ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อทำระยะ ถือบอลวิ่งเอง 5 ครั้ง 25 หลา และหลายๆ ครั้งยังเอาตัวรอดจากจังหวะที่ใครๆ มองว่า แคนซัส ซิตี น่าจะเอาอยู่ ทำให้ทีมได้ครองบอลบุกต่อไป สิ่งนั้นคือความแตกต่างของควอเตอร์แบ็กธรรมดาๆ กับสุดยอดควอเตอร์แบ็ก และปัจจัยที่ผลักดัน ทอม เบรดี อดีตควอเตอร์แบ็ก แพทริออตส์ และ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ก้าวไปสู่แชมป์ 7 สมัย

ขณะเดียวกัน ทีมรับ เบงกอลส์ ยังน่าจับตาไม่แพ้กัน ปล่อยให้ แคนซัส ซิตี ทำสกอร์แค่ 3 แต้ม ตลอดครึ่งหลังของเกมชิงแชมป์สาย และเล่นงาน มาโฮมส์ 4 แซ็ก 2 อินเทอร์เซ็ปต์ รวมลูกสำคัญในการครองบอลบุกครั้งแรกช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ “ซินซี” ยังคงอยู่ในเกม สำหรับสถิติเพลย์ออฟ ซินซินเนติ แย่งเทิร์นโอเวอร์ได้มากสุด 7 ครั้ง เท่ากับ บัคคาเนียร์ส และนั่นคือตัวแปรสำคัญสู่ชัยชนะเกมใหญ่ๆ อย่าง ซูเปอร์โบว์ล

ถึงแม้ บัคคาเนียร์ส จะกระเด็นตกรอบดิวิชันแนล สายเอ็นเอฟซี (NFC) ด้วยความปราชัยแก่ แรมส์ แต่อย่าลืมว่า “โจรสลัด” สามารถเรียกเทิร์นโอเวอร์ได้ 4 ครั้ง ส่งผลให้พลิกสถานการณ์จากตามอยู่ 3-27 ตีเสมอ 27-27 ก่อน แม็ตธิว สแตฟฟอร์ด ควอเตอร์แบ็ก สร้าง 2 บิ๊กเพลย์ พา แรมส์ เข้าสู่ระยะฟิลด์โกล และแม็ตต์ เกย์ สับไกระยะ 30 หลาวินาทีสุดท้ายของเกม รอดตัวไปแบบหวุดหวิด

ตัวแปรหนึ่งที่มิอาจมองข้าม เมื่อเกมก้ำกึ่งสูสี คือ ตัวเตะ อีแวน แม็คเฟอร์สัน ผู้เล่นดราฟต์รอบ 5 ยังเตะไม่พลาดเลย 12 ครั้ง กลายเป็นสถิติของ NFL เฉพาะเพลย์ออฟ และ 3 ลูกจากทั้งหมด เป็นการเตะระยะเกิน 50 หลา รวมลูกตัดสินเกมระยะ 52 หลา พบ ไตตันส์ รอบดิวิชันแนล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็น หากเทียบกับอายุเพียง 22 ปี และเพิ่งเล่นอาชีพซีซันแรก

ตามหน้าเสื่อ ซูเปอร์โบว์ล 56 แรมส์ คือ ทีมที่เหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะคุณภาพผู้เล่นที่มีตัวระดับ เพลย์เมกเกอร์ ทั้งทีมรุกและรับ อย่าง สแตฟฟอร์ด, คูเปอร์ คัปป์ กับ โอเดลล์ เบ็คแฮม จูเนียร์ ปีกนอก, แอรอน โดนัลด์ ดีเฟนซีฟ แท็คเกิล และ วอนน์ มิลเลอร์ ไลน์แบ็กเกอร์ หากจะคว้าแชมป์ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แต่ถ้ารอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำจนกลายเป็นตำนาน มันก็ต้องเป็น “Underdog” อย่าง เบงกอลส์ สิครับ!!
กำลังโหลดความคิดเห็น