xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนเวลา “ทอม เบรดี” กับก้าวแรกสู่สังเวียน / MVP

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

ยึกยักกันมาสักระยะ สุดท้ายแล้ว ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กประสบการณ์สูงปรี๊ดของ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ก็ประกาศรีไทร์จากศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) อย่างเป็นทางการ ช่วงค่ำวันอังคารที่ผ่านมา (1 ก.พ.) อาจจะด้วยความไม่อยากตกเป็นข่าวกลบกระแสการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ สายเอเอฟซี (AFC) และ เอ็นเอฟซี (NFC) กระมัง จึงต้องปฏิเสธทันควัน หลังการตีข่าวของหลายๆ สำนัก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ความเป็นตำนานของ เบรดี คงไม่ต้องสาธยายให้ยืดเยื้อ เชื่อว่าทุกๆ ท่านไม่ว่าจะติดตาม NFL แบบผ่านๆ หรือชนิดเป็นแฟนพันธุ์แท้ ย่อมทราบกันดี ทั้งแหวนแชมป์ 7 สมัย, ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซูเปอร์โบว์ล 5 สมัย, เป็นเจ้าของสถิติขว้างได้ระยะและทัชดาวน์มากสุด 84,520 หลา 624 สกอร์, สถิติชนะ 243 แพ้ 73 เฉพาะฤดูกาลปกติ และ ชนะ 35 แพ้ 12 เฉพาะเพลย์ออฟ หากตกหล่นสิ่งใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

เพื่อตอกย้ำความเกรียงไกรของ เบรดี ผู้ปิดฉากอาชีพด้วยวัย 44 ปี จึงขอย้อนเวลาถึงก้าวแรกสู่ NFL สมัยถูก นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ คัดเลือกอันดับ 199 ของทั้งหมด เมื่อปี 2000 และ บิลล์ เบลิชิก ได้รับการแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ช “นักรบกู้ชาติ” และต้องปรับขุมกำลังขนานใหญ่

ตำแหน่งควอเตอร์แบ็ก ซึ่งมี ดรูว์ เบล็ดโซ ฝีมือระดับ “โพร โบว์ล” ทำหน้าที่อยู่แล้ว บวกกับตัวสำรองเต็มโควตาอีก 2 คน ใครๆ ก็มองว่า ไม่มีความจำเป็นต้องหาใครมาเพิ่มจนล้นทีม อย่างไรก็ตาม เบลิชิก พร้อมพิจารณาผู้เล่นทุกตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ ดิ๊ก เรห์ไบน์ โค้ชควอเตอร์แบ็ก แพทริออตส์ จึงต้องดูฟิล์ม เบรดี สมัยเล่นให้ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หากมองรูปลักษณ์ภายนอก เบรดี ณ เวลานั้น ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเป็นผู้เล่นระดับ NFL ร่างกายผอมบาง, อืดอาด, ขาดทั้งพลังแขน และฟุตเวิร์ก ผลงานช่วง สเกาท์ คอมไบน์ ของเขา ยังต้องพัฒนาอีกเยอะจึงจะมีใครเหลียวมอง แต่เทียบกับผลงานจริง เบรดี ขว้างคอมพลีต 61.0เปอร์เซ็นต์ ตลอดซีซันสุดท้ายระดับคอลเลจ พา วูล์ฟเวอรีนส์ ชนะ นอเตร ดาม, เพนน์ สเตท, โอไฮโอ สเตท คู่ปรับตัวฉกาจ และ อลาบามา

ถึงกระนั้น ไม่มีแมวมองคนใดสนใจ เบรดี มากนัก เนื่องจากช่วงครึ่งแรกของซีซัน 1999 เขาต้องแชร์บทบาทตัวจริงกับ ดรูว์ เฮนสัน รุ่นน้อง ซึ่ง ลอยด์ คาร์ โค้ช มหาวิทยาลัยมิชิแกน และแฟนๆ มองว่าเป็น ควอเตอร์แบ็กพรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่ง โดยไม่ต้องตั้งข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น

ที่มิชิแกน เฮนสัน เป็นผู้เล่นที่แมวมองของ NFL เพ่งเล็งไว้ ซึ่งต่อมาเขาได้อยู่ทีมกีฬาอาชีพยอดนิยมอย่าง ดัลลัส คาวบอยส์ และ นิว ยอร์ก แยงกีส์ แห่ง เมเจอร์ ลีก เบสบอล (MLB) ส่วน เบรดี เป็นแค่นักกีฬาธรรมดาๆ แต่การแข่งขันภายในทีม เฮนสัน ไม่สามารถเอาชนะ เบรดี ได้ ตามระบบของ โค้ชคาร์ ใช้ผู้เล่นคนหนึ่งเป็นตัวจริงควอเตอร์แรก และอีกคนหนึ่งลงเล่นแทนควอเตอร์ 2 แล้วประเมินผลงานว่า ใครดีกว่าก็จะได้เล่นครึ่งหลัง

เบรดี เป็นฝ่ายชนะการแย่งตัวจริงครึ้งหลัง 4 จาก 5 เกมแรก โดย มิชิแกน สถิติ 5-0 พอถึงเกม 6 พบ มิชิแกน สเตท เฮนสัน ได้รับโอกาสโชว์ฝีมือช่วงครึ่งหลัง แต่เล่นไม่ออก เป็นเหตุให้ เบรดี ถูกส่งกลับลงสนาม และเกือบสร้างปาฏิหาริย์ แพ้ไป 31-34 ทำให้ คาร์ เลือก เบรดี เป็นตัวจริงถาวร ทว่าข้อสงสัยของแมวมอง NFL คือ เบรดี ฉายแววช้าเกินไป หากเขาเก่งจริง เพราะเหตุใดจึงไม่ได้เป็นตัวจริงทั้งซีซัน

สิ่งที่ เรห์ไบน์ กับ บ็อบบี ไกรเออร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล เห็นคือ ความผิดพลาดของ มิชิแกน เฮนสัน ได้รับการยกย่องจากแฟนๆ และสื่อมวลชนเกินจริง แต่ เบรดี คือ ผู้เล่นที่ดีกว่า และเหมาะสมกับบทบาทตัวจริง ทั้งคู่ชื่นชอบ เบรดี ในบทบาทกัปตันทีม, ไม่ยอมย้ายมหาวิทยาลัย, ต่อสู้เพื่อโอกาสลงสนาม และไม่ออกอาการงอแงที่ถูกเปลี่ยนเข้า-ออก เป็นคุณสมบัติของตัวสำรองที่ดี

เรห์ไบน์ ตัดสินใจเดินทางสู่ แอนน์ อาร์บอร์ เพื่อดู เบรดี ฝึกซ้อมและพบตัวจริง ขณะเดียวกัน ไกรเออร์ ทำหน้าที่โทรศัพท์หา ลอยด์ คาร์ เพื่อซักถามข้อมูลเกี่ยวกับ เบรดี โดย ไกรเออร์ เป็นเพียงบุคลากรคนเดียวของ NFL ที่ทำเช่นนั้น แถม โค้ชคาร์ ยังรับประกันกลับไปว่า “คุณจะไม่มีวันผิดหวัง หากดราฟต์ ทอม เบรดี”

เรห์ไบน์ กับ ไกรเออร์ ไม่ได้ต้องการควอเตอร์แบ็ก พวกเขาประเมิน เบรดี เป็นตัวเลือกรอบ 3 แล้วเลือกตำแหน่งอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเสริม ได้แก่ ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน 2 คน, รันนิงแบ็ก 1 คน, ไทต์เอนด์ 1 คน, ดีเฟนซีฟ แท็คเกิล และกองหลัง กระทั่งถึงการดราฟต์รอบ 6 ปี 2000 เบรดี ยังว่างงาน และไม่มีใครต้องการ ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด ออกมาเดินเล่นเป็นเวลานาน และเหวี่ยงไม้เบสบอลแก้เซ็ง

ในที่สุด เบลิชิก โทรศัพท์มาหา แจ้งว่า ไม่อยากปล่อยให้ผู้เล่นที่อยู่นอกสายตาทีมอื่นๆ หลุดมือ และ เบรดี ได้มาร่วมงานกับ แพทริออตส์ โดยไม่มีการันตีว่า จะอยู่รอดเป็น 53 คนสุดท้าย ไม่กี่เดือนต่อมา เบรดี พบ โรเบิร์ต คราฟต์ เจ้าของทีม ช่วงเทรนนิง แคมป์ จึงเข้าไปแนะนำตัว แล้วได้รับคำตอบจาก คราฟต์ ว่า “ผมรู้คุณคือใคร คุณคือผู้เล่นดราฟต์รอบ 6 จาก มิชิแกนของเรา”

เบรดี พยักหน้า และต้องการแสดงให้ เจ้าของทีม เห็นว่า เขาไม่ใช่ผู้เล่นถูกดราฟต์ลำดับท้ายๆ เพื่ออยู่รอดในทีมเท่านั้น “ผมคือการตัดสินใจที่ดีสุดสำหรับองค์กรแห่งนี้เท่าที่เคยทำมา” จากนั้นตำนานของเขาได้เริ่มขึ้น เมื่อถึงสัปดาห์ที่ 2 ของฤดูกาล 2001 เบล็ดโซ เกิดอาการเลือดออกในสมอง หลังปะทะกับ โม ลูอิส ไลน์แบ็คเกอร์ นิว ยอร์ก เจ็ตส์ ช่วงควอเตอร์ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น