คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ใน สหรัฐ อเมริกา มีนักกีฬาหลายคนรับค่าจ้างแบบล้ำยุคที่กำลังเห่อกันอยู่ทั่วโลกที่เขาเรียกว่า สกุลเงินดิจิต็อล หรือ คริพโทเคอเร็นซี (Cryptocurrency) แต่ด้วยความผันผวนของราคาที่อ้างกันนักว่า ไม่มีใครบังอาจมาบิดผันปั่นราคาได้ เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าของมันร่วงลงอย่างน่าใจหาย ทำให้นักกีฬาเหล่านั้นสูญเสียรายได้มากมายถึงขั้นที่เรียกว่า ฉิบหาย ก็ว่าได้
เรื่องเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลักที่ถูกนำมากล่าวอ้างเพื่อให้ บิทคอยน์ (Bitcoin) และ คริพโทเคอเร็นซี อื่นๆดูดี จนกลายเป็นทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการขยับสถานะทางเศรษฐกิจของตน เหล่านักกีฬาจะถูกชี้ชวนให้รับค่าจ้างเป็นสินทรัพย์ดิจิต็อล โดยชูประเด็นว่าดีกว่าการรับเป็นเงิน ดอลเล่อร์ส (U.S. Dollars) เพราะมูลค่าของเงินเดือนก็จะไม่มีทางลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ
คริพโทเคอเร็นซี ก็คือสกุลเงินที่มีการเข้ารหัสและอยู่ในรูปแบบดิจิต็อล เขาว่านั่นทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงได้ และที่สะดวกคือสามารถโอนย้ายผ่านระบบอินเทอร์เน็ทโดยผ่านระบบของ บล็อคเชน (Blockchain) ที่ทำหน้าที่บันทึกรายการโอนเงินดิจิต็อลและยืนยันว่ารายการนั้นๆเกิดขึ้นจริงและถูกต้อง อันนี้เขาก็คุยว่าเป็นระบบที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งเหยิง เปลี่ยนแปลง หรือปั่นราคาได้ทั้งสิ้น โดย สกุลเงินดิจิต็อล ตระกูลแรกคือ บิทคอยน์ (Bitcoin) เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2008 และมีการโอนบน บล็อคเชน บล็อคแรกในปีต่อมา
แอเริ่น ร้อดเจอร์ส (Aaron Rodgers) ควอเต้อร์แบ็ค ของ กรีน เบย์ แพ็คเค่อร์ส (Green Bay Packers) ทีมอเมริกันฟุตบอล ใน เอ็นเอ๊ฟแอ็ล (National Football League - NFL) เป็น 1 ในนักกีฬาที่แสดงความจำนงรับค่าจ้างเป็นสกุลเงินดิจิต็อลเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น บิทคอยน์ 1 เหรียญ มีมูลค่า $67,582 แล้วผมตรวจดูมูลค่าเมื่อวานนี้มันแค่ $38,608 เท่านั้นเอง
โอเด็ล เบ๊คแค่ม จูเนียร์ (Odell Beckham Jr.) ปีกนอกของ ล้อส แอนเจลิส แรมส์ (Los Angeles Rams) เซ็นสัญญารับค่าจ้างเดือนละ $750,000 และยังมีโบนัสที่อาจได้สูงถึง $4.25 ล้าน โดยส่วนที่เป็นเงินเดือนนั้นหมอนี่แจ้งขอรับเป็น บิทคอยน์ ซึ่งบัดนี้มูลค่าหายวับไปร่วม $350,000 แล้ว แม้มูลค่าอาจจะเด้งขึ้นมาบ้างแต่ยังไงก็ยังห่างไกลกันมากจากมูลค่าเดิมที่เขาต้องเสียภาษีที่ กรมสรรพากร (Internal Revenue Service - IRS) ของสหรัฐฯ เรียกเก็บจากฐาน $750,000 แสบมากและซวยจริงๆ
นอกจาก 2 รายที่กล่าวมา ยังมี ทอม บเรดี้ (Tom Brady) ควอร์เต้อร์แบ็ค ของ แทมปา เบย์ บั๊คคะเนียร์ส (Tampa Bay Buccaneers) ทเรเว่อร์ ลอเร้นส์ (Trevor Lawrence) จอมทัพผมทองแห่ง แจ็คเซิ่นวิล แจกัวร์ส (Jacksonville Jaguars) เซคว็อน บ๊าร์คลีย์ (Saquon Barkley) รันนิ่งแบ็ค ของ นิวยอร์ค จายแอ้นท์ส (New York Giants) ชอน โคลกิน (Sean Culkin) แห่ง บ็อลทิมอร์ เรเวิ่นส์ (Baltimore Ravens) ที่มีคนเห็นไปซ้อมร่วมกับทีม แคนซัส ซิตี้ ชี้ฟส์ (Kansas City Chiefs) และ แอเริ่น โจนส์ (Aaron Jones) รันนิ่งแบ็ค ของ กรีน เบย์ แพ็คเค่อร์ส ที่หลงใหลใน สกุลเงินดิจิต็อล และรับค่าจ้างแบบล้ำยุคดังกล่าว
ในปัจจุบันมีเหรียญอื่นๆเกิดขึ้นตาม บิทคอยน์ มากมาย ลำพังแต่ละประเทศก็มีหลายสิบหลายร้อยสกุล แล้วแต่จะลุกขึ้นมาตั้งกัน จนมี สกุลเงินดิจิต็อล มากกว่าสกุลเงินกระดาษที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันหลายร้อยเท่าทีเดียว รวมแล้วนับหมื่นสกุล บ้าแท้ๆ นี่มันแชร์แม่ชม้อยระดับโลกรึเปล่า
ผมอยากให้มาดูการจะได้มาของ บิทคอยน์ ซึ่งถือเป็น สกุลเงินดิจิต็อล ที่ได้รับการยอมรับอันดับ 1 ของโลกนั้น มีอยู่ 2 วิธีคือ 1. การซื้อเหรียญจากที่มีหมุนเวียนอยู่ในระบบอยู่แล้ว โดยซื้อผ่านตลาดรับแลกเปลี่ยนหรือซื้อจากผู้ขายโดยตรง แล้วรับโอนมาอยู่ในกระเป๋าเงินของตน 2. ขุด บิทคอยน์ ซึ่งจะใช้คอมพิวเต้อร์เป็นหลัก มีทั้งการใช้การ์ดจอหรือการใช้เครื่องขุดโดยเฉพาะ ซึ่งอันนี้ผู้ลงทุนขุด บิทคอยน์ ก็จะมีต้นทุนค่าอุปกรณ์คอมพิวเต้อร์และค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการเดินระบบเพื่อขุดเหรียญ ถ้าใครก็ขุดให้เงินงอกได้มันก็ไม่ผิดอะไรกับการปล่อยให้แต่ละคนพิมพ์แบ๊งค์มาใช้เอง
นอกจากไม่เชื่อว่า ระบบ บล็อคเชน นั้นปั่นราคาไม่ได้ สกุลเงินก็ผุดขึ้นมาเป็นหมื่นๆสกุล แล้วยังมีการขุดขึ้นมาได้อีก ตรงนี้แหละครับที่ผมเห็นว่า ไร้สาระสิ้นดี ถ้าผมทำอาหารขายได้เงินมา แต่ไอ้เวรนี่มีเงินมาจากการขุดจากโปรแกรมคอมพิวเต้อร์ ผมไม่เล่นด้วยหรอกครับ รอเวลาให้เขาใช้ สกุลเงินดิจิต็อล กันไปก่อนสัก 10 ปี ให้มันมั่นคง เชื่อถือได้ ก่อนดีไหมครับ