คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
หลังจบฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ทีมชาติไทย สามารถกู้ศรัทธากลับมาได้ด้วยตำแหน่งถ้วยแชมป์สมัยที่ 6 แน่นอนว่าเครติดเหล่านี้ต้องยกให้กับทีมงานรวมถึงนักฟุตบอลทุกคนที่นำความสำเร็จมาเป็นของขวัญในยุคไวรัสระบาดเช่นนี้ อย่างน้อยๆ คนไทยก็ยิ้มได้เรื่องหนึ่งแล้วกันกับการเป็นเจ้าอาเซียน
อย่างไรก็ตามหลังจบการแข่งขันรายการนี้เรายังมีโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมอาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-26 กุมภาพันธ์ 2565
ซึ่งผู้เล่นอายุในเกณฑ์ไม่เกิน 23 ปี ส่วนใหญ่กลายเป็นตัวหลักของสโมสรระดับไทยลีก และสโมสรเขาไม่ปล่อยผู้เล่นมาร่วมรายการนี้ เพราะมันไม่ใช่ "ฟีฟ่าเดย์" งานนี้ทางออกที่ดีที่สุดจึงต้องหันมองไปที่ทีมชาติชุดอายุต่ำกว่านี้ และพอดีว่ามันมีชุด ยู 19 ที่อยู่ภายใต้การคุมทีมของ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่สุดที่จะส่งชุดนี้ไป เนื่องจากที่ผ่านมาเจอวิกฤติไวรัสโควิด-19 เข้าไป หาทัวร์นาเมนต์ส่งเด็กๆ ไปแข่งขันพัฒนาฝีเท้าระดับทีมชาติไม่ได้
โดยทีมงานของกุนซือชาวสเปนมองว่าเป็นเรื่องดี จะได้ลับแข้งไปในตัว เพราะทีมยู 19 เองก็มีเป้าหมายในการไปให้ถึงรอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รวมถึงชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี รออยู่
ถามว่าทำไมจึงต้องให้โอกาสเด็กๆ เหล่านี้ แบกอายุไปเจอกับผู้เล่นที่ขวบวัยมากกว่า เพราะการได้เจอกับนักเตะระดับอาเซียนที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าจะเป็นบทเรียนในการสังสอน และนำไปสู่การพัฒนาฝีเท้าของดาวรุ่งเหล่านี้
ทั้งนี้มีนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่น่าจับตามองในทีมชุดนี้ เริ่มจากคู่แฝด พงศกร - พนธกร หาญรัตนะ ที่เดินทางไปศึกษาและเล่นฟุตบอลที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเพิ่งสร้างความฮือฮาเมื่อได้รับโอกาสไปร่วมฝึกซ้อมกับสโมสรดังอย่าง โชนัน เบลล์มาเร่
อีกคนคือ "นิวเอ็ดการ์ ดาวิด เมืองไทย" ชิติพัทธ์ แก้วยศ ดาวรุ่งแห่งทีม สมุทรปราการ ซิตี้ ที่มีปัญหาเรื่องสายตา ต้องสวมแว่นลงสนาม ทว่าได้รับการจับตามองว่ามีฝีเท้าโดดเด่น
และยังมีผู้เล่นอีกหลายรายที่น่าสนใจ อาทิ ณัฐกิตติ์ บุตรสิงห์ นักเตะที่เคยไปฝึกฝีเท้ากับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค และปัจจุบันค้าแข้งกับ อูนิโอน อดาร์เบ้ ทีมในลีก้า 4 ประเทศสเปน หากสามารถเรียกตัวกลับมาได้ เชื่อว่าแฟนบอลก็คงอยากเห็นฝีเท้าของดาวรุ่ง "ช้างศึก" ชุดนี้เหมือนกัน