ขุนพล "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ประกาศศักดาคว้าแชมป์ฟุตบอลอาเซียน สมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ ทวงบัลลังก์แห่งภูมิภาคนี้กลับคืนมาอีกครั้ง
โดย ไทย เสมอ อินโดนีเซีย 2-2 ในรอบชิงชนะเลิศนัดที่สอง ทำให้ผลสกอร์รวมสองนัด "ช้างศึก" เอาชนะทีมจากแดนอิเหนาไป 6-2
จากความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ทีมชาติไทย จะได้รับเงินอัดฉีดรวมสูงถึง 46 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินรางวัลทีมแชมป์ประจำทัวร์นาเมนต์ 300,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 10 ล้านบาท เงินอัดฉีดจากพันธมิตร 26 ล้านบาท
สำหรับเงินอัดฉีดจากเหล่าพันธมิตร 26 ล้านบาท ประกอบไปด้วย บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรซุปเปอร์ไฟต์ ในนามบริษัท ฮอกไกโด ฟู้ดแอนด์เบฟเวอเรจ จำกัด, บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), CP, เครื่องดื่มตรา ช้าง, บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน), บริษัท บีกริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), CENTRAL, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน), บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด, บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด, เครือบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทย-เยอรมัน มีท โปรดักท์ จำกัด, คุณวาว บริษัทโรส โกล์ด (ไทยแลนด์ ) จำกัด, Audi Thailand, กลุ่ม บริษัท เอเอเอส,โศภนา เลวิจันทร์ ผู้นำเข้าแบรนด์ American Eagle, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), กลุ่ม บริษัท บิทคับ, บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนางนวลพรรณ ล่ำซำ รวมถึงผู้ไม่ประสงค์จะออกนามอีกหลายคน
นอกจากนี้ยังมีเงินส่วนตัวของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อีก 10 ล้านบาท ที่จ่ายมาแล้ก่อนหน้านี้ ทำให้รวมทั้งสิ้นในเบื้องต้นเหล่านักฟุตบอล และสตาฟฟ์โค้ชทัพ "ช้างศึก" จะได้รับเงินอัดฉีดสูงถึง 46 ล้านบาท และยังมีรายงานว่า "มาดามแป้ง" อาจได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากพันธมิตร ซึ่งอาจจะได้เกิน 50 ล้านบาทเลยทีเดียว