คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ตื่นนอนช่วงสายๆ ด้วยความตั้งใจจะหยิบประเด็น ซิโมเน ไบล์ส นักยิมนาสติกระดับ “G.O.A.T” ของ สหรัฐอเมริกา กับแฟนหนุ่มกองหลัง ฮุสตัน เท็กแซนส์ มาถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือ กระทั่งพบข่าวเศร้าของวงการ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) จอห์น แมดเดน ยอดโค้ช, ผู้บรรยายชื่อดัง และเจ้าของแบรนด์เกม “Madden NFL” สิ้นลมอย่างกะทันหันด้วยวัย 85 ปี
แมดเดน เป็นชื่อที่คุ้นหูกันดีสำหรับแฟนๆ NFL ในรูปแบบวิดีโอเกมอเมริกันฟุตบอล “Madden NFL” ซึ่งได้รับความนิยมมายาวนานของค่าย “อีเอ สปอร์ตส (EA Sports)” ทำให้ย้อนนึกถึงไทม์ไลน์ที่ผมเริ่มดู NFL ใหม่ๆ ตั้งแต่ดูผ่านๆ ที่โรงอาหารของโรงเรียน, ดูรีรันที่บ้านตอนค่ำๆ วันจันทร์และอังคาร เพราะไม่มีอะไรดู จนเริ่มดูจริงจังช่วงมัธยมปลาย และชื่นชอบ เพย์ตัน แมนนิง กับเกมบุก อินเดียนาโปลิส โคลท์ส และสิ่งที่ตามมาก็คือ นั่งกดเกม Madden ที่ร้าน สมัยยังเป็น Playstation 1
อารัมภบทมายืดยาว มาเข้าเรื่องของ แมดเดน จริงๆ จังๆ เสียที เขาเกิดที่เมืองออสติน รัฐมินเนโซตา วันที่ 10 เมษายน 1936 เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้เล่น ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ จากมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย โพลีเทคนิก สเตท หรือเรียกสั้นๆ ว่า “แคล โพลี (Cal Poly)” ทำหน้าที่ได้ทั้ง ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน และ ดีเฟนซีฟ ไลน์แมน โดยถูกดราฟต์รอบ 21 อันดับ 244 เมื่อปี 1958 แต่เขาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหัวเข่า ช่วงเทรนนิงแคมป์ จึงต้องเลิกเล่นในฐานะผู้เล่นชุดซ้อม
แมดเดน หันมาจับงานโค้ชครั้งแรก ที่แฮนค็อก จูเนียร์ คอลเลจ ปี 1960-1963 แล้วมาเป็นโค้ชทีมรับของมหาวิทยาลัย ซาน ดีเอโก สเตท ปี 1964-1966 ก่อนถูก อัล เดวิส เฮดโค้ช โอคแลนด์ เรดเดอร์ส (ปัจจุบัน ย้ายเมืองมาอยู่ ลาส เวกัส) ดึงมารับตำแหน่งโค้ชไลน์แบ็คเกอร์ เมื่อปี 1967 ช่วยกันพา “สลัดดำ” เข้าสู่ ซูเปอร์โบว์ล II ก่อนนั่งเก้าอี้นายใหญ่แทน จอห์น เราช์ ซึ่งลาออกไปคุม บัฟฟาโล บิลล์ส เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1969 กลายเป็นเฮดโค้ชอายุน้อยสุดของ NFL ณ เวลานั้น ด้วยวัยเพียง 32 ปี 10 เดือน โดยปัจจุบันเจ้าของสถิตินี้ คือ ชอน แม็คเวย์ คุม แอลเอ แรมส์ เมื่อปี 2017 อายุ 30 ปี 11 เดือน)
แมดเดน คุมทีมสถิติ ชนะ 12 แพ้ 1 เสมอ 1 ตลอดซีซันแรก ที่โอคแลนด์ แพ้ แคนซัส ซิตี ชีฟส์ 7-17 รอบชิงชนะเลิศ สายเอเอฟแอล (AFL) นับจากนั้นผลงานของเขาจบลงแบบซ้ำๆ และแบบช้ำๆ โดย เรดเดอร์ส คว้าแชมป์ดิวิชัน 7 จาก 8 ซีซันแรก แต่สถิติ ชนะ 1 แพ้ 6 เฉพาะรอบชิงแชมป์สาย กระทั่งปลดล็อกด้วยขุมกำลังแบบจัดเต็ม ฤดูกาล 1976 เคน สแต็บเลอร์ ตำแหน่งควอเตอร์แบ็ก, เฟร็ด บิเลตนิคอฟฟ์ กับ คลิฟฟ์ แบรนช์ คู่หูปีก, เดฟ แคสเปอร์ ไทต์เอนด์, จีน อัพชอว์ กับ อาร์ต เชลล์ ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน ระดับ ฮอลล์ ออฟ เฟม และเหล่าสตาร์ทีมรับ วิลลี บราวน์, เท็ด เฮนดริคส์, แจ็ค เททัม, จอห์น มาตุสแซ็ก, โอติส ซิสทรังค์ และ จอร์จ แอตกินสัน
เรดเดอร์ส จบฤดูกาลปกติ 1976 สถิติ 13-1 โดยแพ้ นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ แค่ทีมเดียว ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 ก่อนมาคิดบัญชีรอบเพลย์ออฟ เอาชนะไป 24-21 และคว้าแชมป์สาย เอเอฟซี (AFC) ถล่ม พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ซึ่งมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ขาดลอย 24-7 และฉลองแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล สมัยแรกของแฟรนไชส์ หลังต้อน มินเนโซตา ไวกิงส์ 32-14
ซีซันต่อมา แมดเดน มีปัญหาเจ็บป่วยด้วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร โดย เรดเดอร์ส สถิติ ชนะ 11 แพ้ 3 พ่ายแก่ เดนเวอร์ บรองโกส์ รอบชิงชนะเลิศ สายAFC แล้วรีไทร์ด้วยวัยเพียง 42 ปี หลังพา โอคแลนด์ ทำสถิติชนะ 9 แพ้ 7 ฤดูกาล 1978 รวมสถิติ ชนะ 103 แพ้ 32 เสมอ 7 เฉพาะฤดูกาลปกติ และเปอร์เซ็นต์ชนะของเขา 75.9 เป็นสถิติที่ดีสุดของโค้ชระดับ NFL ซึ่งคุมทีมอย่างน้อย 100 เกม จากนั้นเขารับงานผู้บรรยายทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ได้แก่ ซีบีเอส สปอร์ตส (CBS), ฟ็อกซ์ สปอร์ตส (FOX Sports), เอบีซี สปอร์ตส (ABC Sports) และ เอ็นบีซี สปอร์ตส (NBC) ปี 1979-2009
ส่วนตัวผมไม่ได้รู้จักชื่อเสียงของ แมดเดน มากเท่าไร เพราะส่วนมากจะดูการแข่งขันแบบบรรยายไทย แต่ก็พอเห็นหน้าเห็นตาทางหน้าจอบ้าง แตสิ่งหนึ่งที่ผมรู้จัก แมดเดน มากสุด ก็คือ วิดีโอเกม ซึ่งเริ่มผลิตวางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 1988 โดยใช้เสียงบรรยายและภาพหน้าปกของ แมดเดน ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจและเรียนรู้กฎ-กติกา และการเล่นอเมริกันฟุตบอลมากยิ่งขึ้น รวมถึงดูการแข่งขันสนุกกว่านั่งศึกษาเอาเอง พอเราเริ่มมีความอินกับเกม อเมริกันฟุตบอล บางครั้งก็ทำให้เราออกลูกเกเรบ้าง เช่น โดดเรียนช่วงเช้า เพื่อดู ซูเปอร์โบว์ล
ตามจุดประสงค์ แมดเดน ต้องการให้เกม “Madden NFL” เป็นเครื่องมือของการเรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับอเมริกันฟุตบอลมาตั้งแต่เริ่มเจรจากับ ทริป ฮอว์กินส์ ผู้ก่อตั้ง “อิเลคทรอนิกส์ อาร์ตส” หรือ อีเอ (EA) เมื่อปี 1984 และด้วยความเชื่อของผมเอง เกมๆ นี้ มันทำให้คนดูมือใหม่เข้าถึง NFL ได้ง่าย และเกิดความนิยมในกีฬาอเมริกันฟุตบอลอย่างแพร่หลาย