การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบรองชนะเลิศ ระหว่างทีมชาติเวียดนาม พบ ทีมชาติไทย นัดแรก วันที่ 23 ธันวาคม 2564 และนัดที่สองจะแข่งขันในวันที่ 26 ธันวาคม 2564
โดยก่อนหน้ามีการคาดกันว่าคู่ระหว่าง ไทย พบ เวียดนาม น่าจะเป็นคู่ชิงชนะเลิศ ทว่า "ดาวทอง" เกิดพลาดท่าเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ส่งผลให้ต้องมาเจอกันในรอบรองชนะเลิศ
ซึ่งแม้ว่า เวียดนาม จะเป็นแชมป์เก่า และอันดับโลกก็เหนือกว่าทีมชาติไทย ทว่าสื่อเหงียนอย่าง SPORT5 ออกมาวิเคราะห์ว่าทีมชาติของตนนั้นเสียเปรียบทีมชาติไทยอยู่หลายประการด้วยกัน ประกอบด้วย
ประเด็นแรก : เวลาพัก ทั้งนี้ทีมชาติไทย ได้เปรียบเต็ม โดยมีเวลาพักนานกว่าถึง 4 วัน ก่อนดวลกันในรอบรองฯ ส่วนเวียดนามได้พักเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น อีกทั้งทีมชาติไทย นัดที่เอาชนะ สิงคโปร์ 2-0 ยังพักนักเตะตัวหลักทั้งหมด พร้อมส่งผู้เล่นชุดสำรองที่ไม่เคยได้รับโอกาสลงเล่น
ซึ่งแตกต่างกับ เวียดนาม นัดที่เอาชนะ กัมพูชา 4-0 โดย ปาร์ก ฮัง ซอ กุนซือ "ดาวทอง" จัดเต็มส่งนักเตะชุดใหญ่ลงสนามแบบฟูลทีม ทั้งที่สามารถส่งตัวสำรองลงสนามได้
ประเด็นที่ 2 : ทีมชาติไทย ยกทีมชาติไทยชุดใหญ่แบบ "ฟูลทีม" นำโดย ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน สองดาวเตะที่เพิ่งจบศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น มาร่วมทีม รวมถึงกองหน้าอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตรถาวร ดาวเตะจากสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้
ขณะที่ เวียดนาม แม้จะเป็นแชมป์เก่า ทว่าตัวหลักที่เคยนำทีมคว้าแชมป์อาเซียน เมื่อ 3 ปีก่อน อย่าง ดัง วาน ลัม , ตรอง ฮวง, ดวาน วาน เฮา และ ฮุง ดวง แม้ผู้เล่นที่เรียกมาหลายคนจะทำได้ดี แต่สื่อเวียดนามมองว่ายังไม่สามารถทดแทนผู้เล่นที่ขาดหายไปได้
ประเด็นที่ 3 : ความได้เปรียบเรื่องสนามแข่งขัน โดยเจ้าภาพ สิงคโปร์ จัดการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ทั้ง 2 นัด และ รอบชิงชนะเลิศที่สนามกีฬาแห่งชาติ
โดยสื่อเวียดนาม ระบุว่า ทีมชาติไทย ที่ลงแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกที่สนามแห่งนี้ทั้ง 4 นัดมีความคุ้นเคยกับสนามมากกว่า ขณะที่ทีมเวียดนามลงแข่งขันรอบแรก 4 นัดที่สนาม บิชาน สเตเดี้ยม