ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฟอร์มูล่า วัน รูดม่านฤดูกาล 2021 ไปเรียบร้อยแล้วกับสนามสุดท้ายในรายการ อาบู ดาบี กรังด์ ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา แม้จะมีดราม่าเกิดขึ้นตั้งแต่ออกสตาร์ทยันสิ้นสุดเรซ แต่ผลการแข่งขันก็ยืนยันอย่างเป็นทางการให้ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน นักแข่งหนุ่มจากเนเธอร์แลนด์ส สลักชื่อตัวเองลงเป็นแชมป์โลกหน้าใหม่ของวงการ
ความมันบังเกิดในรอบสุดท้ายของเรซเมื่อ เวอร์สแตพเพน อาศัยจังหวะที่ เซฟตี คาร์ ออกมาคุมแทร็ค เร่งเครื่องตามติด ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกรุ่นพี่จาก เมอร์เซเดส ขึ้นมาอยู่เท่ากันแล้วบดคันเร่งเต็มสปีดทันทีหลัง เซฟตี คาร์ กลับเข้าโรงจอด ซึ่งปรากฏว่านักขับเลือดดัตช์ หาช่องแซงขึ้นไปแล้วพารถหมายเลข 33 เข้ารับธงตาหมากรุกคันแรกสำเร็จ ก่อนที่เจ้าตัวและทีมงาน เรด บูลล์ จะตะโกนคำรามร่วมกันแบบสุดเสียงที่ ยาส มาริน่า เซอร์กิต
แม้ฝั่ง เมอร์เซเดส ต้นสังกัดของ แฮมิลตัน ผู้จบอันดับ 2 และรองแชมป์โลก ยื่นเรื่องประท้วงต่อ FIA ฝ่ายจัดการแข่งขันให้พิจารณาเรื่องการปล่อยแล็บคาร์ (รถที่ถูกน็อกรอบ) ซึ่งยืนขวางอยู่ 4-5 คัน แซง เซฟตี คาร์ ขึ้นไปจนเปิดช่องให้ เวอร์สแตพเพน ไล่ตามมาทันแล้วแซงเป็นแชมป์โลก รวมถึงกรณีปล่อยให้ เซฟตี คาร์ เข้าโรงจอดในรอบสุดท้ายซึ่งดูผิดปกติเกินไป แต่สุดท้าย FIA ก็ปัดตกคำร้องนี้และยืนยันให้ เวอร์สแตพเพน เป็นแชมป์โลกเหมือนเดิม
“มันบ้าคลั่งมากๆ ตอนเด็กเป้าหมายของผมคือการเป็นนักแข่ง ฟอร์มูล่า วัน ฝันถึงการขึ้นโพเดียมและคว้าชัยชนะ แต่เมื่อมาถึงจุดที่มีคนเดินมาบอกว่าคุณว่าเป็นแชมป์โลก มันน่าเหลือเชื่อมากๆ” เวอร์สแตพเพน กล่าวหลังเดินขึ้นโพเดียมในฐานะผู้ชนะเรซปิดท้าย และประทับตราเป็นแชมป์โลกประเภทนักแข่งแบบเต็มตัว เคียงข้าง แฮมิลตัน รองแชมป์รุ่นพี่ และ คาร์ลอส ไซนส์ อันดับ 3 จาก เฟอร์รารี่
ไม่เพียงแต่ฝีมือ รถที่ดี และทีมงาน “กระทิงแดง” ทุกภาคส่วนที่ทำงานสอดประสานกันยอดเยี่ยม เวอร์สแตพเพน จะมีวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีครอบครัวที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะคุณพ่อ จอช เวอร์สแตพเพน ที่วงการ ฟอร์มูล่า วัน รู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะอดีตนักขับยุค 90 ขณะที่คุณแม่ โซฟี ก็เคยเป็นนักแข่งรถคาร์ทมาก่อน แถมยังมีญาติที่ลงแข่ง นาสคาร์ กับ เวิลด์ เอ็นดูรานซ์ เรียกได้ว่าปลูกฝังผ่านทางสายเลือดมาเลย
เส้นทางนักแข่งรถของ แม็กซ์ เริ่มตั้งแต่วันที่คุณพ่อพาไปขับรถคาร์ทตอนอายุ 4 ขวบ เพื่อให้คุ้นชินกับความเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ว่าเจ้าหนูแม็กซ์ ก็ชื่นชอบความเร็วด้วยเช่นกัน ทำให้เจ้าตัวสนใจกีฬาสายนี้และลงแข่งตอนอายุ 7 ขวบ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ คว้าแชมป์รายการต่างๆ และยกระดับตัวเองไปลงแข่งรายการที่ใหญ่ขึ้นเช่น ยูโรเปียน แชมเปียนชิพ หรือ FIA เวิลด์ คัพ และความเข้มงวดในการสอนของคุณพ่อ ก็มีส่วนทำให้ แม็กซ์ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“มีครั้งหนึ่งผมกำลังจะได้แชมป์ในปี 2012 ที่สนามตัดสิน แต่ผมดันขับชนจนไม่ได้แชมป์ ผมโมโหมาก แต่พ่อผมหงุดหงิดยิ่งกว่า เขาไม่คุยกับผมเลย” แม็กซ์ เล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับความเข้มงวดของคุณพ่อในอดีต ทว่าก็ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าตัวเรียนรู้และเติบโตขึ้นในฐานะนักแข่ง รวมถึงให้เครดิตเสมอว่าคุณพ่อคือคนที่ชี้ทางพามาถึงจุดนี้
ปี 2013 เวอร์สแตพเพน คว้าแชมป์รถแข่งมากมายจน เรด บูลล์ เตะตาต้องใจจนไปชวนมาเซ็นสัญญาเป็นนักแข่งเยาวชน เรียนรู้ทักษะการขับรถ ฟอร์มูล่า วัน ในอะคาเดมี่จนกระทั่งปี 2015 เมื่อฝีมือผ่านเกณฑ์ เรด บูลล์ ให้โอกาสเจ้าตัวลงขับขี่ F1 แบบเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตกับทีมลูกอย่าง โตโร รอสโซ่ (ปัจจุบันคือ อัลฟ่า เทารี) เป็นนักแข่งอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้นคือ 17 ปี จนมีเรื่องเล่าตลกว่าเขาได้แข่ง F1 ก่อนได้ใบขับขี่รถในชีวิตจริงอีก
และหนุ่มน้อยคนนี้ก็ทำให้ เรด บูลล์ มั่นใจว่าเลือกคนไม่ผิดด้วยการพารถเก็บแต้ม จบท็อป 10 แบบต่อเนื่อง จนปี 2016 ก็ได้เลื่อนชั้นมาขับขี่ให้กับ เรด บูลล์ ทีมแม่แบบเต็มตัว พร้อมกับประเดิมแชมป์ F1 เรซแรกในชีวิตที่ คาตาลุนญ่า พร้อมกับทำสถิติเป็นนักแข่งที่ได้แชมป์สนาม อายุน้อยที่สุด 18 ปี นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเครื่องขึ้นโพเดียมแบบไม่ยั้ง และยกสถานะขึ้นเป็นนักแข่งเบอร์ 1 ในกาลต่อมา
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เวอร์สแตพเพน ยกระดับฝีมือและรถตัวเองเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์โลกมากขึ้น แต่ก็ยังไปไม่ถึงฝันเพราะมีสองนักแข่งของ เมอร์เซเดส อย่าง ลูอิส แฮมิลตัน กับ วอล์ตเตรี บ็อตทาส ยืนขวางทางอยู่ คว้าทั้งแชมป์โลกนักแข่งและทีมผู้สร้าง 7 สมัยซ้อน เวอร์สแตพเพน และทีมงานเรด บูลล์ พยายามหาทางสู้จนปี 2021 ก็ระเบิดพลังเมื่อนักแข่งหนุ่มแดนกังหันลม คว้าแชมป์ 9 สนาม และขึ้นโพเดียมรวมกัน 16 สนาม จนพาตัวเองไปครองจ่าฝูงได้
กระทั่งมาถึงสนามสุดท้าย ด้วยกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมจากทีมงานเรด บูลล์, การช่วยเหลือของ เซร์คิโอ เปเรซ รุ่นพี่ทีมเมทที่ขับบังหน้า แฮมิลตัน และช่วยลดระยะทางให้ เวอร์สแตพเพน ไล่จี้ได้ทัน, ฝีมือการขับของนักแข่งเบอร์ 33 และโชคชะตาที่เข้าข้าง ในที่สุด เวอร์สแตพเพน ก็จบเรซที่ตำแหน่งแชมป์โลกนักแข่งด้วยคะแนนสะสม 395.5 คะแนน ก่อนยกพลไปฉลองกับทีมงานอย่างมีความสุข
ตำแหน่งแชมป์โลกของ เวอร์สแตพเพน ไม่เพียงแต่มีความหมายยิ่งกับเจ้าตัว แต่ยังมีคุณค่ากับ เรด บูลล์ ด้วยเพราะในที่สุดพวกเขาก็สามารถโค่นบัลลังก์ของ เมอร์เซเดส ที่ผูกขาดตำแหน่งแชมป์โลกมาตั้งแต่ปี 2014 แบบที่ทีมอื่นไม่ได้ผุดเกิดเสียที และนั่นจะทำให้การแข่งขันฤดูกาล 2022 ต้องดุเดือดเป็นทวีคูณแน่นอนทั้ง เวอร์สแตพเพน ที่ต้องกลับมาป้องกันแชมป์ และ แฮมิลตัน กับ เมอร์เซเดส ที่ต้องกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คืน