ภายหลังจากที่ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส เอฟซี ยืมตัว ศศลักษณ์ ไหประโคน มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปร่วมทีม
ล่าสุดยอดทีมแห่งลีกเกาหลีใต้ ประกาศศักดาด้วยการคว้าแชมป์ "เคลีก" ฤดูกาล 2021 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2564
ทั้งนี้ ศศลักษณ์ เองก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดนี้ด้วย โดยเจ้าตัวได้รับเหรียญรางวัลสำหรับแชมป์เคลีกเป็นเกียรติประวัติอีกด้วย
ขณะที่นักเตะวัย 25 ปี ดีกรีทีมชาติไทย รายนี้ได้โพสต์ถึงเกียรติยศดังกล่าวว่า "ตั้งแต่เด็กๆ ผมสู้มาตลอด ผมสู้เพื่อครอบครัว และ สู้เพื่อความฝันที่ผมมี จนมาถึงวันนี้ ผมไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน กับ ความรู้สึก และ ภาพๆ นี้ มันมีคำพูดมากมายที่อยู่ในหัว"
"ผมแค่อยากขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่กล้าตัดสินใจมาที่นี่ โดยไม่กลัวเลยว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง จะมีโอกาสลงเล่นมากน้อยแค่ไหน ขออย่างเดียวคือให้ได้ออกมาสู้"
"ผมรู้ดีว่า ชุนบุค เป็นทีมที่ยิ่งใหญ่มาก ที่นี่มีนักเตะเก่งมากๆ มีประสบการณ์มากมาย ทั้งในเกาหลี และ ยุโรป ผมรู้ดีว่าอาจจะส่งผลถึงโอกาสลงเล่นของผม แต่ถ้าย้อนกลับไป หรือ เลือกอีกกี่ครั้ง ผมก็ยังเลือกที่จะมาอยู่ดี"
"ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมคิดว่านี่แหละคือส่วนหนึ่งของฟุตบอล ถ้าลองย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ถ้าผมบอกกับหลายๆ คนว่า ผมจะมาเล่นต่างประเทศให้ได้สักครั้ง คนคงหัวเราะผม หรือ บอกว่าผมบ้า แต่ผมเชื่อของผมเสมอว่า ผมทำได้ และ ต้องมีสักวันที่ผมมีโอกาส"
"จนวันที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ มีโอกาสชูถ้วยแชมป์เคลีก ผมแค่อยากโพสต์เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ และ ขอบคุณตัวเอง ที่กล้า ที่เชื่อมั่นในสิ่งที่สู้มาตลอด ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่จากเด็กน้อยคนหนึ่ง ผมภูมิใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ของทีม และ สู้ในสิ่งที่ผมทำได้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี่ "
"สุดท้าย ผมอยากขอบคุณโค้ช สตาฟฟ์ และ เพื่อนร่วมทีมทุกคน ที่ให้โอกาสเด็กตัวเล็กๆ คนนี้ได้ทำตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ผมจะสู้ในเส้นทางที่ผมเลือกเดินต่อไป"
สำหรับ ศศลักษณ์ ไหประโคน มีสัญญายืมตัวกับ ชุนบุค ฮุนได ทีมแชมป์เคลีก สมัยล่าสุด เพียงแค่ 6 เดือน ซึ่งหมายถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตามตัวนักเตะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บทำให้ชวดทีมชาติไทย ชุดลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ และต้องรอดูว่าอนาคตของดาวเตะรายนี้จะยังได้รับโอกาสในการค้าแข้งต่างแดน หรือว่ากลับสู่ต้นสังกัดอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจากเฟซบุ็ก Sasalak Haiprakhon