ดิวอก โอกิรี สวมบทซูเปอร์ซับ เมื่อลงมาเป็นตัวสำรอง และซัดประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บช่วยให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกเก็บชัยเหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 คว้าสามแต้ม แซง เชลซี ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ของตาราง
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 15 ของฤดูกาล วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส เปิดรังโมลินิวซ์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
วูล์ฟแฮมป์ตัน ของกุนซือ บรูโน่ ลาจ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงหลัง 9 นัดหลังสุดในลีกแพ้แค่เกมเดียว แต่ 2 นัดหลังสุดทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ เบิร์นลีย์ และ นอริช ซิตี 0-0 เกมนี้ใช้ ราอูล ฆิมิเนซ, ฮวาง ฮี-ชาน และอดามา ตราโอเร เป็น 3 แนวรุก
ด้าน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เก็บชัยมา 4 เกมรวดในทุกรายการ วันนี้วาง ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และดิโอโก โชตา เป็น 3 ประสานในแดนหน้า
ครึ่งแรกแม้ ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายที่ครองเกมบุกได้เหนือกว่า แต่เจ้าถิ่นมาเล่นเกมรับกันได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ทีมเยือนหาช่องเจาะเข้าไปทำประตูได้ยาก ขณะเดียวกัน วูล์ฟ อาศัยจังหวะสวนกลับได้น่ากลัวหลายครั้ง แต่ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบ 45 นาทีแรก เสมอกันไป 0-0
ครึ่งหลังทั้งสองทีมผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างสนุก มีโอกาสลุ้นประตูเหน่งๆ ด้วยกันทั้งสองทีม แต่จังหวะจบสกอร์ยังไม่เฉียบคมกันทั้งคู่
แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.90+4 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้บอลหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายให้ ดิวอก โอริกี หมุดตัวยิงบริเวณกรอบ 6 หลา ผ่านมือนายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลา 90 นาที ลิเวอร์พูล บุกเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน หวุดหวิด 1-0 เก็บสามแต้มเอาไว้ได้สำเร็จ
จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ “หงส์แดง” มีเพิ่มเป็น 34 แต้ม แซง เชลซี ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ของตาราง ตามหลัง แมนฯ ซิตี ทีมจ่าฝูง 1 แต้ม ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน มี 21 แต้ม รั้งอันดับ 8 ของตาราง
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
วูล์ฟแฮมป์ตัน : โฆเซ่ ซา (GK), แม็กซ์ คิลแมน, คอเนอร์ โคเอดี, โรแมง ซาอิสส์, เนลสัน เซเมโด, เลอันเดอร์ เดนดองเกอร์, รูเบน เนเวส, รายาน อิต นูรี, อดามา ตราโอเร, ฮวาง ฮี-ชาน, ราอูล ฆิมิเนซ
ลิเวอร์พูล : อลิสซอน เบคเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ธิอาโก อัลคันทารา, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก โชตา, ซาดิโอ มาเน