ขณะที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่หรือทีม "ช้างศึก" จะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 ระหว่างวันที่5 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2565 ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬาฟุตบอลสำหรับการสะท้อนมุมมองในมิติต่างๆ KBU SPORT POLLโดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตจึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง “ทีมช้างศึกกับความหวังในฟุตบอลแห่งชาติอาเซียน2020”
สำหรับการสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์และภาคสนามระหว่างวันที่ 20 - 23 พฤศจิกายน 2564โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจและติดตามข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,287 คนโดยแบ่งเป็นเพศชาย 829 คน คิดเป็นร้อยละ 64.41 เพศหญิง 458 คน คิดเป็นร้อยละ 35.59 ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่า
ความสนใจที่จะติดตามการแข่งขัน กลุ่มอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 89.33 สนใจ รองลงมาร้อยละ 7.51 ยังไม่ตัดสินใจ และร้อยละ 3.16 ไม่สนใจ สื่อหรือช่องทางที่จะติดตามการแข่งขัน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.17โซเชียลมีเดีย รองลงมาร้อยละ 39.64 วิทยุโทรทัศน์ ร้อยละ 10.66 หนังสือพิมพ์ ร้อยละ 5.08 วิทยุกระจายเสียง ร้อยละ 2.04 สนามการแข่งขันถ้ามีการเปิดให้เข้าชมได้ และอื่นๆร้อยละ 1.41
โอกาสและความหวังของทีมชาติไทยกับการคว้าแชมป์ ส่วนใหญ่ร้อยละ 48.19 มีโอกาส รองลงมาร้อยละ 39.62 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 12.19 ไม่มีโอกาส
ทีมคู่แข่งที่น่าเกรงขาม ส่วนใหญ่ร้อยละ 38.44 เวียดนาม รองลงมา ร้อยละ 27.35 มาเลเซีย ร้อยละ 24.08 สิงคโปร์ ร้อยละ 5.17 เมียนมา ร้อยละ 3.94 ฟิลิปปินส์ และอื่นๆร้อยละ 1.02
สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลต่อความสำเร็จของทีมชาติไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 33.79 ระยะเวลาในการเตรียมทีม ร้อยละ 31.63 สมรรถนะของผู้เล่น ร้อยละ 24.06 สมรรถนะของผู้ฝึกสอน ร้อยละ 6.18 การสนับสนุนของสมาคมกีฬาฟุตบอลและผู้เกี่ยวข้อง ร้อยละ 2.33 แรงเชียร์จากแฟนบอล และอื่นๆร้อยละ 2.01
ทั้งนี้ ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่าจากผลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจที่จะติดตามการแข่งขันทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่านักเตะทีมช้างศึกว่างเว้นจากการแข่งขันระดับนานาชาติมาอย่างยาวนานก็ว่าได้ ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าทีมชาติไทยจะประสบกับปัญหาการเตรียมการล่วงหน้าก็ตาม แต่แฟนบอลยังเชื่อว่าด้วยศักยภาพของนักเตะเมื่อเปรียบเทียบกับทีมเพื่อนบ้านในอาเชียนโดยเฉพาะทีมชาติเวียดนามที่ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามก็ตาม แต่ทีมช้างศึกก็ยังมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์มาครองได้เช่นเดียวกัน
ส่วนที่น่าสนใจหากพิจารณาในภาพรวมสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันของทีมชาติไทยในรายการนี้ด้วยปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆไม่ว่าจะเป็นศักยภาพของนักเตะ และทีมงานผู้ฝึกสอนเมื่อมาผนึกพลังกับการบริหารจัดการของผู้จัดการทีมอย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ตลอดจนการสนับสนุนของสมาคมกีฬาลูกหนังและผู้เกี่ยวข้องด้วยแล้วเชื่อว่าทีมช้างศึกสามารถที่จะคว้าแชมป์มาครองเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนลูกหนังได้อีกวาระหนึ่ง