จากกรณีที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมกับทำหนังสือถึง กกท. ให้ตรวจสอบการบริหารงานและการทำงานในสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่มี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯ โดยมีเรื่องสำคัญ คือ การรับเงินเดือนของนายกสมาคมฯ และสภากรรมการฯ ว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยการร้องเรียนดังกล่าว มีขึ้นในช่วงปลายปี 2561 และต่อมา พล.ต.อ.สมยศ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า รับเงินเดือนจริง แต่ก็บริจาคกลับให้สมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อย
ทางด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจาก กกท. ส่งเรื่องให้สำนักงานกฤษฎีกาได้ตีความว่า พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีความเหมาะสมหรือไม่กับการรับเงินเดือนในตำแหน่ง
ล่าสุด กฤษฎีกา ได้ส่งหนังสือตีความในเรื่องดังกล่าวกลับมาแล้ว ยืนยันว่า นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย ไม่สามารถ รับเงินเดือน หรือ รับค่าจ้างได้ เพราะไม่ใช่ลูกจ้างของสมาคมฯ การทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ การเป็นนายกสมาคมกีฬา เป็นการอาสาเข้ามาทำงาน หลังจากนี้ กกท. เตรียมเชิญสมาคมฟุตบอลไทย เข้ามาชี้แจงว่า มีการรับเงินเดือน รับค่าจ้าง ตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ถ้าจริง ต้องคืนเงินเดือนดังกล่าวทั้งหมด ให้กับสมาคมฯ หรือหากมีการคืนให้สมาคมฯ แล้ว ครบถ้วน อย่างไร
ทั้งนี้ การตีความของกฤษฎีกาครั้งนี้ เป็นบรรทัดฐานให้กับทุกสมาคมกีฬาได้เป็นแนวทางปฎิบัติตามด้วย โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตอนที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมกับทำหนังสือถึง กกท. ให้ตรวจสอบการบริหารงานและการทำงานในสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่มี “บิ๊กอ๊อด”โดยมีเรื่องสำคัญ คือ การรับเงินเดือนของนายกสมาคมฯ และสภากรรมการฯ ว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยการร้องเรียนดังกล่าว มีขึ้นในช่วงปลายปี 2561 และต่อมา พล.ต.อ.สมยศ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า รับเงินเดือนจริง แต่ก็บริจาคกลับให้สมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อย