ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน และซีอีโอแห่ง วัน แชมเปียนชิพ หลังจากได้เห็นผลงานของ "แสตมป์ แฟร์เท็กซ์" จากศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง ก็ออกปากว่านักสู้สาวชาวไทยจะเป็นคู่ต่อสู้ที่โหดหินคนหนึ่งที่ราชินีรุ่นอะตอมเวตคนปัจจุบันอย่าง "แองเจลา ลี" อาจต้องเจอในอนาคต
นายชาตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหัวนอกโดยวิเคราะห์การต่อสู้ของ แสตมป์ ในฐานะนักสู้สาวชาวไทยหนึ่งเดียวที่ได้ลงแข่งขันในศึกหญิงแกร่งครั้งประวัติศาสตร์นี้ และยังเปรียบเทียบทักษะการต่อสู้ระหว่าง แสตมป์ และ แองเจลา หากทั้งคู่มีโอกาสได้เจอกันในฐานะคู่ชิงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตอีกด้วย
“ผมคิดว่า แองเจลา จะเจอไฟต์ที่หินสุด ๆ หากต้องเจอคู่ต่อสู้แบบ แสตมป์ ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสชนะ เราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า แองเจลา มีทักษะยิวยิตสูระดับโลก เทคนิคซับมิชชันของเธอช่างเหลือเชื่อ แต่เราก็รู้เช่นกันว่าเธอยังต้องพัฒนาทักษะยืนสู้อีกเยอะ จริงอยู่ที่เธอพัฒนาทักษะยืนสู้ของเธอแบบก้าวกระโดด แต่ในความเห็นของผม ผมว่าเธอยังไม่เข้าขั้นระดับโลก สไตล์การต่อสู้ของ แสตมป์ จะทำให้ แองเจลา ต้องเหนื่อยแน่นอน”
“แสตมป์ บู๊สะบั้นหั่นแหลก ทรงตัวได้ดีเยี่ยม ทั้งยังป้องกันการเทกดาวน์และซับมิชชันได้ยอดเยี่ยมด้วย เธอแข็งแกร่งมากในรุ่นน้ำหนักนี้ และเห็นได้ชัดว่า แสตมป์ มีทักษะมวยไทยเข้าขั้นระดับโลก”
นักสู้สาวแกร่งจากระยองวัย 23 ปี ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ที่มีทักษะรอบด้านไม่เป็นรองใคร แม้ สแตมป์ จะโดดเด่นในเกมยืนเพราะมีพื้นฐานจากมวยไทยแต่เกมภาคพื้นของเธอก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสองไฟต์ล่าสุดที่ผ่านมา
แสตมป์ สามารถล้างบัญชีแค้นเอาชนะ "อาลีโอนา ราสโซฮินา" จอมเก๋าจากยูเครนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ในการแข่งขันรอบแรกเมื่อเดือนกันยายน ล่าสุด เธอใช้ทักษะการต่อสู้ทั้งเกมยืนที่ถนัดและเกมนอนที่เหนือชั้นปราบ "จูลี เมซาบาร์บา" สาวแกร่งเลือดแซมบามาได้อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศในศึก ONE: NEXTGEN เมื่อ 29 ตุลาคม ลอยลำเข้าไปชิงชนะเลิศกับ "ริตู โฟกาต" นักมวยปล้ำสาวชาวอินเดีย
หาก แสตมป์ สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มาครองได้สำเร็จก็จะขึ้นแท่นเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์โลกรายต่อไปของ "แองเจลา ลี" ทันที และหากเวลานั้นมาถึงก็ต้องดูกันต่อว่า แสตมป์ จะสามารถโชว์ฝีมือได้ตรงตามการวิเคราะห์ของบิ๊กบอสแห่ง ONE หรือไม่