คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
หลังจากประสบมรสุมมากมายเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานของสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ “ไอบ้า” ทั้งเรื่องการเงิน และเรื่องการตัดสิน แถมล่าสุดมีผลสอบขององค์กรอิสระออกมาแฉว่ามีการ “ล็อกผลการตัดสิน” ในมวยโอลิมปิก “ริโอ 2016” จริงๆ ตอนนี้ “ไอบ้า” ก็พยายามเดินหน้ายกระดับมวยสากลสมัครเล่นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในรายการศึกมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก ที่กำลังซัดกันอยู่ที่กรุงเบลเกรด ในสาธารณรัฐเซอร์เบีย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา และจะไปปิดฉากกันวันที่ 6 พฤศจิกายน สัปดาห์หน้านี้
ประเด็นที่เคยคุยกันไปแล้ว ก็คือการมีเงินรางวัลให้กับผู้ได้เหรียญรางวัลทั้งทอง-เงิน-ทองแดง ในการแข่งขันครั้งนี้ นัยว่าเพื่อให้ดูว่าเงินที่หามาได้นั้นก็คืนกลับไปให้นักมวยนะ ไม่ใช่ฟาดกันอยู่ในกลุ่มผู้บริหารไอบ้าเท่านั้น รวมทั้งมีการมอบเข็มขัดแชมป์ให้เหมือนกับมวยอาชีพ เรื่องพวกนี้เอาจริงก็เหมือน “เกาไม่ถูกที่คัน” เพราะประเด็นที่ถูกจับตามองคือเรื่องของการตัดสิน มากกว่าเรื่องหยุมหยิมยิบย่อยสร้างภาพพวกนี้ ซึ่งทาง “ไอบ้า” ก็คงตะหงิดๆ เหมือนกัน เลยมีความพยายามในการแก้ปัญหาการตัดสินด้วย เช่น สร้างระบบการตรวจสอบกลุ่มกรรมการอย่างละเอียด สร้างระบบการจัดวางตัวกรรมการขึ้นตัดสินและให้คะแนนในแต่ละคู่ ที่ต้องมีการสุ่มอย่างซับซ้อน ไม่ให้มีใครคนใดคนหนึ่งจัดกรรมการได้ตามใจ และการโชว์คะแนนของกรรมการให้คะแนนในแต่ละคนทันทีทุกยก
ที่สำคัญอีกเรื่องคือเปิดให้มีการคัดค้านคำตัดสินได้ คล้ายๆ กีฬาแบดมินตัน ที่ให้สิทธิ์นักกีฬาสามารถ “ชาเลนจ์” คำตัดสินว่าลูกดีหรือลูกออกของผู้กำกับเส้นได้ โดยในรายการมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลกนี้ เปิดให้แต่ละชาติ มีสิทธิ์ “ชาเลนจ์” คำตัดสินได้ 3 ครั้งตลอดรายการ โดยจะประท้วงการตัดสินภาพรวมทั้ง 3 ยก หรือประท้วงการให้คะแนนในยกใดยกหนึ่งก็ได้ โดยจะมีคณะกรรมการดูวิดีโอการชกและให้คะแนนใหม่ ถ้าคณะกรรมการเห็นด้วย ก็จะเปลี่ยนคำตัดสิน และสิทธิ์การประท้วงก็ยังคงอยู่ ใช้ได้ใหม่ ถ้าประท้วงผิด ก็เสียสิทธิ์การประท้วงไป เรียกว่าทางทีมโค้ชของแต่ละชาติก็ต้องเลือกเอาว่าจะใช้สิทธิ์ทักท้วงคำตัดสินเมื่อไหร่ ใช้มั่วๆ ก็หมดสิทธิ์เร็ว ใช้อย่างเหมาะสม ก็ได้ผลดีและไม่เสียสิทธิ์การประท้วง
ซึ่งทัพมวยไทยที่ส่งนักชกดาวรุ่งเข้าร่วมรายการนี้ถึง 10 รุ่นจาก 13 รุ่น ก็สร้างประวัติศาสตร์ทำการทักท้วงผลการตัดสิน และได้รับการกลับคำตัดสินเป็นครั้งแรก ในการชกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมาในรุ่น 71 กิโลกรัม “เจ้าพี” พีรภัทร์ เยียะสูงเนิน แพ้คะแนนออดกอนบาร์ทา บยอมบา เออร์ดีน จากมองโกเลีย 1:4 เสียง แต่ทีมพี่เลี้ยงได้ประท้วงผลการให้คะแนนในยกที่ 2 ที่ให้เราแพ้ แต่เรามองว่าเราน่าจะชนะ ทางกรรมการควบคุมการประท้วงได้ตรวจสอบดูวิดีโอการชก และกลับคำตัดสินให้เราชนะในยกนั้น ทำให้เรากลับมาชนะ 3:2 ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมวยสากลสมัครเล่น ที่น่าจะช่วยลดการตัดสินที่ค้านสายตาลงไปได้เยอะ รวมทั้งลดปัญหาคาใจของกองเชียร์และทีมงานของชาติที่เสียผลประโยชน์ไปได้ ส่วนผลการชกของทีมกำปั้นไทยจะได้เหรียญอะไรติดมือมาบ้างไว้ค่อยมาสรุปกัน