แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักมวยและนักสู้สาวชาวไทย ตีตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิงแห่งศึก วัน แชมเปียนชิพ ได้สำเร็จ จากชัยชนะเหนือนักสู้จากแดนแซมบ้าในศึก ONE: NEXTGEN เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา
คู่เอกของศึก ONE: NEXTGEN ที่สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม เป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง (MMA) น้ำหนัก 47.7 – 52.2 กก. โดยนักสู้สาวระยอง วัย 23 ปี "แสตมป์ แฟร์เท็กซ์" เป็นตัวแทนประเทศไทย ขึ้นสังเวียนเผชิญหน้ากับสาวแกร่งบราซิล "จูลี เมซาบาร์บา" วัย 28 ปีที่ถนัดเกมยืนเหมือนกัน
รูปเกมยกแรก แสตมป์ อาศัยความชำนาญด้านมวยไทยในฐานะอดีตแชมป์โลก ชิงจังหวะเตะพับในและเข้าลำตัวของอีกฝ่าย จูลี พยายามเข้าประชิดเพื่อโต้คืนแต่ถูก แสตมป์ เตะถีบสกัดไว้ สาวแซมบาจึงเปลี่ยนแผนใช้วิธีจับขาพา แสตมป์ เล่นเกมนอน แต่สาวไทยปักหลักแข็งขืนเล่นเกมยืนที่ตนถนัด
ยกสอง จูลี เป็นฝ่ายบุกใช้แผนเดิมด้วยการจับขาในจังหวะที่ แสตมป์ ยกขึ้นเตะ ทั้งคู่จึงได้แลกหมัดกันอุตลุด ก่อน แสตมป์ จะถูก จูลี เทกดาวน์แต่กลับพลิกขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบด้วยการนั่งคร่อมบนลำตัว พร้อมระดมหมัดและศอกใส่ จูลี โกยคะแนนไปเพียบ ยกสุดท้าย จูลี จึงต้องพยายามไล่บุกทำคะแนนแบบไม่มีอะไรจะเสีย แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัว แสตมป์ ได้ เมื่อครบ 3 ยก กรรมการจึงชูมือให้ แสตมป์ เป็นฝ่ายชนะคะแนนอย่างเอกฉันท์
ด้านคู่รองเป็นอีกคู่หนึ่งของการแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ นักมวยปล้ำสาวแดนภารตะ "ริตู โฟกาต" วัย 27 ปี รับมือกับสาวแกร่งทีมกางเกงแดงลาไคย์จากฟิลิปปินส์ "เจเนลีน โอลซิม" วัย 24 ปี ซึ่งถือเป็นศึกต่างขั้วเพราะสองสาวถนัดในรูปเกมที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
เจเนลีน เป็นฝ่ายเปิดเกมโชว์อาวุธหมัดและเตะอย่างไม่เกรงกลัวแชมป์มวยปล้ำ ริตู ขยับเข้าใกล้และใช้ความเชี่ยวชาญจับสาวตากาล็อกเทกดาวน์ล้มลุกคลุกคลานกันอยู่ที่พื้น แม้ เจเนลีน ลุกขึ้นมายืนได้แต่ ริตู ก็เร้าหรือลงไปเกมภาคพื้นอีก จนเมื่อถึงจังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เจเนลีน พยายามสลัดตัวเองออกจากวิกฤติเกมนอน จึงถีบเข้าที่หน้า ริตู ซึ่งยังอยู่บนพื้น กรรมการจึงตักเตือนและให้สองสาวสู้กันต่อ
ภาพรวมสองยกที่เหลือ ริตู จัดหนักเกมปล้ำที่ตนถนัด ด้วยการยก เจเนลีน ทุ่มลงพื้นก่อนที่จะคุมเกมไว้ได้อย่างเหนือชั้น แม้สาวตากาล็อกจะพยายามหาทางแก้เกม แต่ก็ไม่สามารถต้านความแข็งแกร่งในเกมนอนของสาวแดนโรตีได้ เมื่อครบ 3 ยกกรรมการจึงตัดสินให้ ริตู เป็นฝ่ายชนะคะแนนอย่างเอกฉันท์