คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ถึงครึ่งทางของศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2021 อริโซนา คาร์ดินัลส์ เป็นเพียงทีมเดียวที่ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นนาน 7 สัปดาห์ เลยต้องหยิบมาเป็นประเด็นสักนิด เพราะพวกเขามีโปรแกรมลงสนาม “เธิร์สเดย์ ไนท์” หรือเช้าวันศุกร์นี้ (29 ต.ค.) ของบ้านเรา และอาจพบความปราชัยเกมแรก เมื่อเจอคู่แข่งที่เรียกแข็งโป๊กทีมหนึ่งอย่าง กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส เพราะสถิติของผมส่วนมาก หากจับทีมไหน ก็มักจะเกิดหายนะ จึงต้องรีบๆ ลงหน่อย
ทีมบุก คาร์ดินัลส์ ถูกพูดถึงอย่างมาก ภายใต้การนำของ คายเลอร์ เมอร์เรย์ ควอเตอร์แบ็กดราฟต์เบอร์ 1 ปี 2019 สำหรับการเปิดซีซันอย่างร้อนแรง แต่ก็ต้องยกเครดิตแก่ทีมรับอันเหนียวแน่นทั่วแผ่น อุดมด้วยผู้เล่นที่เรียกว่าเป็น เพลย์เมกเกอร์ ทั้งกองหลังและกองกลาง ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อสถิติ 7-0 หยุดยั้งทีมบุกฝ่ายตรงข้ามเจาะลำบาก และน่าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการแข่งขันอีกยาวไกล
อริโซนา เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากสุดของซีซันนี้ หากพิจารณาถึง 14 เทกอเวย์ ซึ่งมากสุดอันดับ 3 ของลีก 10 เทิร์นโอเวอร์ทั้งหมด เกิดจากการกดดันเกมขว้างประสิทธิภาพสูง ไบรอน เมอร์ฟี คอร์เนอร์แบ็ก เหมาไป 3 จาก 6 อินเทอร์เซ็ปต์ของทีม กับ ไอเซียห์ ซิมมอนส์ ไลน์แบ็คเกอร์, โรเบิร์ต แอลฟอร์ด คอร์เนอร์แบ็ก และ บุดดา เบเกอร์ เซฟตี แบ่งกันคนละ 1 อินเทอร์เซ็ปต์
นอกจากนี้ ทีมรับ คาร์ดินัลส์ ยังทำให้เกิดการฟัมเบิล (บอลหลุดจากการครอบครอง) มากสุดของลีก 11 ครั้ง ตะครุบได้ หรือ รีคัฟเวอร์ ฟัมเบิล 8 ครั้ง โดย มาร์คุส โกลเดน ไลน์แบ็คเกอร์ ไม่เพียงแค่ขึ้นนำด้าน ฟอร์ซ ฟัมเบิล ของทีม แต่ยังรวมถึงลีก NFL 4 ครั้ง
อริโซนา ป้องกันเกมขว้าง 33 ครั้ง ตลอดฤดูกาลนี้ อยู่อันดับ 3 ร่วมของ NFL โดยผู้เล่น 14 คน ต้องมีการปัดบอลทิ้งได้อย่างน้อย 1 ครั้ง สูงสุดคือเจ้าเก่า เมอร์ฟี 7 ครั้ง ส่งผลให้เสียระยะแก่คู่แข่งจากการขว้างต่ำสุดอันดับ 3 ของลีก เฉลี่ย 201 หลาต่อเกม ตลอดจนเพลย์สำคัญ คาร์ดินัลส์ ยอมให้คู่ต่อสู้เล่นดาวน์ที่ 3 สำเร็จเพียง 28.6 เปอร์เซ็นต์ (23 จาก 80 ครั้ง) และเล่นดาวน์ที่ 4 สำเร็จเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ (4 จาก 16 ครั้ง) เป็นสถิติสูงสุดของลีกทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ทีมรับ “นกหัวแดง” ยังเป็นฝันร้ายของเหล่าควอเตอร์แบ็ก ดังที่เรียนไว้แล้วว่า พวกเขามีการกดดันเกมขว้างประสิทธิภาพสูง แซ็กสูงสุดอันดับ 5 ของลีก 19 ครั้ง และจู่โจมถึงตัวควอเตอร์แบ็กมากสุดอันดับ 7 ร่วมของลีก 43 ครั้ง 6 ขุนพล คาร์ดินัลส์ มีสถิติอย่างน้อย 1 แซ็ก โดย โกลเดน เป็นผู้นำของทีม 6 แซ็ก ตามด้วย แชนด์เลอร์ โจนส์ ไลน์แบ็กเกอร์ 5 แซ็ก
แม้กระทั่ง เจ.เจ. วัตต์ ดีเฟนซีฟ ไลน์แมน จอมเก๋า ที่ดูเหมือนหมดสภาพมาจาก ฮุสตัน เท็กแซนส์ เพราะอาการบาดเจ็บรุมเร้า ยังขึ้นนำการจู่โจมใส่ควอเตอร์แบ็กมากสุดของทีม 11 ครั้ง รองลงมา คือ โจนส์ 8 ครั้ง สุดท้ายนี้ ทีมรับ “คาร์ดส” ยังเป็นเครื่องจักรแห่งการแท็คเกิล อัดคู่แข่งอย่างน้อย 40 แท็คเกิล ตลอด 7 เกมแรก สูงสุดของทีมเป็น ไอเซียห์ ซิมมอนส์ 47 แท็คเกิล ตามด้วย จาเลน ธอมป์สัน เซฟตี กับ จอร์แดน ฮิคส์ ไลน์แบ็คเกอร์ คนละ44 แท็คเกิล และ บุดดา เบเกอร์ เซฟตี 40 แท็คเกิล
สำหรับทีมบุก เมอร์เรย์ อาจเป็นตัวเต็งรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) แบบเงียบๆ ด้วยเปอร์เซ็นต์ขว้างคอมพลีต 73.5 ระยะ 2,002 หลา 17 ทัชดาวน์ เสีย 5 อินเทอร์เซ็ปต์ ถือบอลวิ่งเอง 43 ครั้ง ระยะ 126 หลา 3 ทัชดาวน์ แต่ความจริงไม่ได้ MVP ยังดีเสียกว่า เพราะเจ้าของรางวัลนี้ มักจะอกหักกรณีทะลุถึง ซูเปอร์โบว์ล อาทิ เบร็ตต์ ฟาฟร์ (1997), เคิร์ต วอร์เนอร์ (2001), ริช แกนนอน (2002), ชอน อเล็กซานเดอร์ (2005), ทอม เบรดี (2007, 2017), เพย์ตัน แมนนิง (2009,2013), แคม นิวตัน (2015) และ แม็ตต์ ไรอัน (2016)
ประโยคศักดิ์สิทธิ์ของวงการกีฬาประเภททีม กล่าวไว้ว่า เกมรุกมีไว้ขายตั๋ว เกมรับมีไว้เพื่อแชมป์ ลองนึกๆ ดู คาร์ดินัลส์ น่าจะเป็นทีมๆ หนึ่งที่มีโอกาสสัมผัสโทรฟี “วินซ์ ลอมบาร์ดี” ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 หากยังรักษามาตรฐานไว้ได้จนถึงปลายทาง