สตีฟ บรูซ กุนซือรุ่นเก๋าชาวอังกฤษ เปิดใจครั้งแรกหลังถูกบอร์ดบริหารของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สั่งเด้งพ้นเก้าอี้ผู้จัดการทีม สังเวยกับผลงานสุดล้มเหลว ก่อนเผยอาจไม่กลับมาคุมทีมฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว
บรูซ ได้คุม “สาลิกาดง” ที่เพิ่งได้กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียมาเทกโอเวอร์ ลงฟัดกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในบ้านเกมล่าสุดเป็นนัดที่ 1,000 ก่อนจบลงด้วยความพ่ายแพ้ และผ่านไป 2 วัน ก็ถูกปลดจากตำแหน่งตามความคาดหมาย
แม้รู้ชะตากรรมตัวเองดี เพราะคุมทีมซีซั่นใหม่ 8 นัด ไม่ชนะใครเลย แพ้ 5 เสมอ 3 จนหล่นไปอยู่บ๊วยของตาราง แต่การต้องใช้ชีวิตท่ามกลางข่าวและเสียงซุบซิบนินทาว่าจะตกงานทุกวี่วัน ก็ทำให้กุนซือรุ่นดึกวัย 60 ปี รู้สึกไม่สบายใจและยอมรับว่าใช้ชีวิตได้ยากลำบาก
“ผมคิดว่านี่คงเป็นงานสุดท้ายของผมแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับผม แต่มันส่งกระทบไปทั้งครอบครัวเพราะเราเป็นชาวจอร์ดี้ และผมคงอยู่เฉยไม่ได้”
“ตอนที่รับงานกับ นิวคาสเซิล ผมคิดว่าตัวเองคงรับมือกับทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามาได้ แต่มันกลับยากมากๆ ที่รู้ว่าไม่เป็นที่ต้องการ ต้องรู้สึกว่าทุกคนอยากเห็นผมล้มเหลว ไร้ประโยชน์ เป็นคนไร้ค่า เป็นไอ้โง่ไม่รู้เรื่องแท็คติกหรืออะไรก็แล้วแต่ มันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่วันแรกเลย”
“ผมอยากขอบคุณทุกคนที่ทำงานเคียงข้างผม เพราะผมสามารถทำในสิ่งที่ต้องการและทุ่มเทอย่างหนักได้ กระนั้นเมื่อเราถูกเล่นงาน ก็รู้สึกได้ถึงความตกต่ำ ไม่เหมือนกับการคุมทีม พรีเมียร์ ลีก อย่าง เบอร์มิงแฮม, วีแกน, ฮัลล์ หรือ ซันเดอร์แลนด์ ที่เราจะรับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่า”
